ครอบครัว 4 ชีวิตแร้นแค้น ลูกชายคนโตวัย 60 ปี ป่วยพิการสมอง นอนติดเตียง ผู้เป็นแม่วัย 85 ปี ซึ่งแก่ชรา มีโรคประจำตัวต้องคอยดูแล ลูกสาวคนเล็กตกงานเพราะโควิดระบาด ทำให้ครอบครัวต้องอยู่อย่างลำบาก เพราะหลานชายจบ ม.3 ทำงานรับจ้างไปวันๆ รายได้ไม่พอรายจ่าย แต่สิ่งที่ประคับประคองชีวิตคือความรักความเอื้ออาทร ไม่ว่าในยามทุกข์หรือสุข ก็อยู่เคียงข้างดูแลไม่ทิ้งกัน

ณ บ้านเลขที่ 13 หมู่ 5 บ้านโคกพัฒนา ในเขตเทศบาลตำบลบัววัฒนา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ สภาพเป็นบ้าน 2 ชั้นเก่าทรุดโทรม ภายในบ้านไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าแม้แต่ชิ้นเดียว เนื่องจากถูกการไฟฟ้าตัดกระแสไฟไปเมื่อหลายเดือนก่อน เหตุเพราะค้างจ่ายค่าไฟฟ้า และอาจต้องใช้เงินถึง 15,000 บาท ในการขอไฟฟ้ามาใช้อีกครั้ง ซึ่งก็เกินกำลังของเจ้าของบ้าน จึงต้องทนอยู่โดยอาศัยเทียนไขช่วยส่องสว่างในยามค่ำคืน

ผู้ที่อาศัยในบ้านหลังนี้ มี นางภาสินี โพธิสัตว์ อายุ 85 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งแก่ชรา สุขภาพไม่ค่อยจะดี มีโรคประจำตัวหลายอย่าง และเพิ่งหายจากโรคอัมพฤกษ์ เริ่มจะพอดูแลตัวเองได้บ้าง นายวัชระ โพธิสัตว์ อายุ 60 ปี ลูกชายคนโต ป่วยพิการทางสมอง และเป็นเนื้องอกในสมอง ทำให้ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ไม่สามารถเดินได้จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง นางเนตรนพิศ โพธิสัตว์ อายุ 56 ปี ลูกสาวคนเล็กที่ตกงานเพราะพิษโควิด และหลานชายวัย 33 ปี อีกคน ที่ทำงานรับจ้าง หาเงินมาจุนเจือ 4 ชีวิต ซึ่งรายได้ไม่พอรายจ่าย ต้องอยู่กันอย่างลำบาก

แม่เฒ่าภาสินี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนกับวัชระไปอยู่ที่ จ.สิงห์บุรี เนตรนพิศก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ช่วงที่โควิดระบาด ทำให้ลูกสาวตกงาน จึงพร้อมใจกันกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ทุกวันนี้ก็อาศัยหลานชายที่ทำงานรับจ้างทั่วไป เพราะจบการศึกษาแค่ ม.3 ใครจ้างให้ทำอะไรก็ทำ ขอเพียงได้เงินมาจุนเจือครอบครัว บางวันก็มีงาน บางวันก็ไม่มี และยังดีที่ยังพอมีรายได้เบี้ยคนพิการของวัชระ เดือนละ 1,200 บาท และเบี้ยผู้สูงอายุของตนเดือนละ 1,400 บาท มาพอเป็นค่ากินไปวันๆ ได้บ้าง ซึ่งถ้าลูกสาวและหลานชายมีงานทำ ตนและลูกชายคงก็จะมีชีวิตดีกว่านี้

แม่เฒ่าภาสินี น้ำตาซึม กล่าวอีกว่า “หลังจากที่กลับมาอยู่บ้านเกิดได้ 3 เดือน วัชระก็ไม่ได้ไปหาหมอตามนัดเลย เนื่องจากบ้านอยู่ไกลจากโรงพยาบาล และตนไม่มีเงินค่ารถที่จะพาไป ทำให้วัชระอาการแย่ลง นอนติดเตียง และไม่นานมานี้ กลางคืนจุดเทียนไว้ วัชระมือไปปัดโดนเทียนที่อยู่บนหลังตู้เย็น ทำให้ไฟเกือบจะไหม้บ้าน โชคที่ที่ลูกสาวมาเห็นดับไฟทัน ส่วนวัชระก็ถูกไฟลวกตามตัวจนเป็นแผลพุพองอยู่ตอนนี้ ตนเห็นสภาพลูกชายแล้วใจจะขาด สงสารที่เขาต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดและแม่ช่วยอะไรไม่ได้”

ขณะที่เนตรนพิศ น้องสาวของวัชระที่กำลังดูแลพี่ชาย โดยการเอาว่านหางจระเข้มาทางตามแผลพุพองของพี่ชายเพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน เล่าว่า หลายปีก่อนหน้านี้ ตนไปทำงานที่ต่างจังหวัด ก็จะพาแม่และพี่ชายไปด้วย แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เกิดโรคโควิดระบาด ตนตกงานหางานทำไม่ได้ ทำให้ชีวิตลำบากมาก ประกอบกับอายุตนก็มากแล้ว ไปหาสมัครงานดูแลคนป่วยคนสูงอายุ ซึ่งตนคิดว่าสามารถทำได้ แต่ก็ติดปัญหาเป็นห่วงแม่ที่อายุมากและพี่ชายที่พิการ

ความรู้สึกของคนที่เป็นลูกเป็นน้อง เมื่อเห็นแม่ที่แก่ชรามากแล้ว จะปล่อยให้ดูแลพี่ชายก็คงจะไม่ไหว ถ้าตนทิ้งไปทำงาน หากแม่และพี่ชายเจ็บป่วยกะทันหันเกิดอะไรขึ้น ตนคงต้องเสียใจและรู้สึกผิดมากแน่ๆ ตนจึงจำเป็นต้องเลือกที่จะดูแลครอบครัวก่อน

ส่วนเรื่องที่ติดค้างในใจทำให้ตนรู้สึกผิดและเสียใจที่สุดตอนนี้คือ เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนออกไปหากบหาเขียดเพื่อจะนำมาทำอาหาร ได้เกิดไฟไหม้ฝาบ้านขึ้น ข้างเตียงนอนของพี่ชาย สาเหตุเพราะมือของพี่ชายไปปัดโดนเทียนที่วางอยู่บนหลังตู้เย็นล้ม ทำให้ไฟลุกไหม้ตู้เย็นเสียหายทั้งหลังและลุกลามจะไหม้บ้าน โชคดีที่ตนกลับมาพอดีและดับไฟได้ทัน ส่วนพี่ชายถูกไฟลวกได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและหัวไหล่

เนตรนพิศ น้ำตาซึม กล่าวทิ้งท้ายว่า “ทุกวันนี้ตนพยายามจะทำทุกอย่างให้เต็มที่และดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาจจะมีบางเวลาที่รู้สึกท้อบ้าง แต่ก็จะไม่ถอย ในเมื่อยังมีลมหายใจจะต้องสู้ เพราะความสุขและความทุกข์เป็นของคู่กัน ความหวังของตนอยากจะมีงานทำ จะได้เลี้ยงดูแม่กับพี่ชายให้สุขสบายในบั้นปลายชีวิต แต่ก็ต้องอยู่กับความเป็นจริง เท่าที่จะทำได้”

สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการจะช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ นางภาสินี โพธิสัตว์ โทร. 08-3831-8259 ได้ตลอดเวลา

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : กิตติ ตันติมาลา จ.เพชรบูรณ์
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..