ก่อนที่ “ตาลีบัน” กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงจะกลับสู่อำนาจเมื่อปีที่แล้ว มูบาเรซ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายติดตามนโยบายของกระทรวงการคลังอัฟกานิสถาน เธอคือหนึ่งในผู้หญิงหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองใหญ่ ผู้ได้รับอิสรภาพที่คนรุ่นก่อนไม่อาจฝันถึง ภายใต้การปกครองครั้งก่อนหน้าของกลุ่มตาลีบันในช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 1990

แต่ตอนนี้ มูบาเรซ ไม่มีงานทำ หลังการตีความกฎหมายอิสลามอย่างเข้มงวดของตาลีบัน จำกัดความสามารถในการทำงานของผู้หญิงอย่างมาก ทั้งการให้พวกเธอแต่งกายและปฏิบัติตนอย่างอนุรักษนิยม และสั่งปิดโรงเรียนมัธยมสำหรับเด็กผู้หญิงทั่วประเทศ อีกทั้งรัฐบาลชุดใหม่ของอัฟกานิสถานไม่มีผู้หญิงในคณะรัฐมนตรี และกระทรวงกิจการสตรีของประเทศก็ถูกปิดลงด้วยเช่นกัน

“สงครามหนึ่งสิ้นสุดลง แต่การต่อสู้เพื่อตามหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงชาวอัฟกันได้เริ่มขึ้นแล้ว… เราจะแสดงเสียงต่อต้านความอยุติธรรมทุกอย่างจวบจนวาระสุดท้าย” มูบาเรซ หนึ่งในนักรณรงค์ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดสุดในกรุงคาบูล กล่าว

Reuters

เธอและผู้หญิงชาวอัฟกันคนอื่นมีการพบปะกันในบ้านที่เป็นการแสดงการต่อต้านอย่างส่วนตัว พูดคุยเกี่ยวกับสิทธิสตรี และส่งเสริมให้ผู้คนเข้าร่วมกับพวกเธอ ซึ่งการรวมตัวเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ ในช่วงที่ตาลีบันปกครองอัฟกานิสถานในครั้งที่แล้ว

“เราต่อสู้เพื่ออิสรภาพของพวกเราเอง เราต่อสู้เพื่อสิทธิและสถานะของพวกเรา เราไม่ได้ทำงานให้กับประเทศ, องค์กร หรือหน่วยงานสายลับใด ๆ นี่คือประเทศของเรา นี่คือบ้านเกิดของเรา และพวกเรามีสิทธิทุกอย่างที่จะอยู่ที่นี่” มูบาเรซ กล่าว

ด้าน นางอลิสัน เดวิเดียน ตัวแทนประเทศขององค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติในอัฟกานิสถาน กล่าวว่า เรื่องราวต่าง ๆ ดังเช่นเรื่องราวของ มูบาเรซ กำลังเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทั่วประเทศ

อนึ่ง การปฏิบัติต่อเด็กผู้หญิงและสตรีของกลุ่มตาลีบัน คือหนึ่งในเหตุผลหลักที่ประชาคมระหว่างประเทศปฏิเสธยอมรับผู้ปกครองคนใหม่ของอัฟกานิสถาน, ตัดเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้วิกฤติเศรษฐกิจในประเทศเลวร้ายลง

ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงหลายแห่ง กล่าวว่า นโยบายต่าง ๆ เกี่ยวกับสตรีถูกกำหนดโดยผู้นำสูงสุด และปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ส่วนผู้นำกลุ่มตาลีบัน กล่าวว่า สิทธิของชาวอัฟกันทั้งหมดจะได้รับการคุ้มครองภายใต้การตีความกฎหมายชารีอะห์

อย่างไรก็ตาม ประชาคมโลกยังคงสนับสนุนสิทธิสตรี และบทบาทความเป็นผู้นำของผู้หญิงอัฟกัน ทั้งในชีวิตสาธารณะและการเมือง โดยผู้หญิงบางคน กล่าวว่า พวกเธอต้องยอมรับบรรทัดฐานใหม่ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS