สัปดาห์ต้นเดือนมิถุนายน หากใครเปิดช่อง Netflix ก็คงต้องตาลายเพราะมีภาพยนตร์จากค่ายหนังดังและซีรีส์หลากหลายเรื่องราว ทยอยนำมาฉายกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหนังแนวแฟนตาซีดราม่าเรียกน้ำตาผู้ชม ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่ “ดูหนังกับหมี” ขอหยิบยกมารีวิวนี้ กำลังไต่อันดับยอดนิยมในโซนเอเชียแบบติด 1 ใน 5 ตลอดกาล แน่นอนว่ากำลังหมายถึง สุดยอดภาพยนตร์แฟนตาซีจากค่าย DC ที่ชื่อ Sweet Tooth นั่นเองสำหรับพล็อตเรื่องถูกนำมาจากการ์ตูนค่ายดีซีคอมิกส์ในชื่อเดียวกัน เป็นผลงานขอ “เจฟ เลอไมร์” นักเขียนหนุ่มชาวแคนาดา สำหรับในประเทศไทย Sweet Tooth ถูกจัดฉายซีซั่นแรกเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา แบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 ตอน ประมาณตอนละ 40 นาที ตัวเอกเป็น หนูน้อยหน้าตาน่ารักลักษณะครึ่งคนครึ่งกวาง มีชื่อว่า “กัส” (นำแสดงโดย คริสเตียน คอนเวรี) เขามีภารกิจออกตามหาแม่ผู้ให้กำเนิด ไปพร้อม ๆ กับการผจญภัยในโลกกว้าง หลังจากเกิดเหตุการณ์เชื้อไวรัสโรคร้ายระบาดไปทั้งโลก (คล้ายๆ กับเหตุการณ์ในยุคปัจจุบัน) 

เรื่องย่อ

เกิดเหตุการณ์เชื้อโรคร้ายระบาดไปทั้งโลก ผู้คนต่างล้มตายเป็นจำนวนมาก ขณะที่เด็ก ๆ ที่เกิดมาในช่วงนั้น กลับกลายเป็นลูกครึ่งสัตว์ หรือ ไฮบริด กันทั้งหมด ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายไปทั้งโลก มีการตั้งกลุ่มออกไล่ล่าเด็กๆ เหล่านี้ เพราะกลัวว่าสักวันที่พวกเขาเติบโตขึ้นจะกลายเป็นบุคคลที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์ธรรมดา พวกเขาจึงให้กำลังฝ่ายความมั่นคงออกไล่ล่าสังหารเหล่าเด็กน้อย ราวกับตัดไฟเสียแต่ต้นลม นั่นทำให้ ชายคนหนึ่งต้องหอบหิ้วลูกชายวัยแบเบาะครึ่งคนครึ่งกวาง หลบเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าลึกแนวเขตอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสเติบโต แต่แล้ววันหนึ่งชายหนุ่มจำต้องยอมพลีชีพเพื่อปกป้องลูกจากกลุ่มนักล่า ทำให้หนูน้อยต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

จนกระทั่งเขาได้พบกับ “พี่เบิ้ม” หรือ “เจปป์” (นำแสดงโดย นอนโซ แอนโนซี) ชายร่างยักษ์ที่มีอดีตเป็นนักล่ากลับใจ แววตาอ่อนโยน เขาเรียกเจ้าหนูกัสว่า “Sweet Tooth” ตัวเขมือบของหวาน หลังจากเห็นว่าหนูน้อยชอบกินพวกหัวผักกาดและผลไม้หวาน ๆ แถมยังขโมยกินยารักษาโรคของเขาเพราะคิดว่าเป็นลูกกวาดในขวดแก้วอีกด้วย แน่นอนว่า “พี่เบิ้ม” ใจดีมาก ๆ เขายอมช่วยออกติดตามหาแม่ รวมทั้งคอยดูแลราวกับเป็นน้องชายของตัวเอง ซึ่งในระหว่างทาง กัสและพี่เบิ้มต้องออกผญจภัยร่วมกัน หลบหนีการไล่ล่าจากกองกำลังทหาร และกลุ่มต่อต้านมนุษย์ไฮบริด จนไปเจอกั “แบร์” (นำแสดงโดย  สเตฟาเนีย ลาวี โอเวน ) หัวหน้ากลุ่มพิทักษ์มนุษย์พันธุ์ผสม ซึ่งเธอเห็นว่ากัสมีความกล้าหาญ ฉลาด จิตใจดี จึงอยากปกป้อง “กัส” จากภัยคุมคามต่าง ๆ 

จุดเด่นของ Sweet Tooth 

ขึ้นชื่อว่าหนังจากค่าย DC ที่มี “วอร์เนอร์บราเธอร์”เป็นผู้สนับสนุนแล้ว เรื่องความพิถีพิถันของโปรดักชั่นฉาก ตลอดจนการถ่ายทำซีนภาพต่าง ๆ ย่อมสมจริงชนิดเนียนกริบ มีฉากวิวสวย ๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้มากมาย หลังจากยกกองถ่ายไปถ่ายทำกันในประเทศนิวซีแลนด์ และอีกหนึ่งที่ถือเป็นไฮไลต์ของเรื่องก็คือ การให้ เจมส์ โบรลิน นักแสดงรุ่นใหญ่วัย 80 ปี มาเล่าเรื่องราวให้ฟังคล้าย ๆ กับเล่านิทานเป็นการเปิดเรื่องราวในแต่ละตอน ทำให้บรรยากาศการดูหนังรู้สึกอบอุ่นเสมอ และสุดท้ายคือบทบาทของ หนูน้อยนิกสัน บิงลีย์” ที่แสดงเป็น “กัส” ตอนเด็ก และ “คริสเตียน คอนเวรี” ที่เป็น “กัส” วัย 10 ขวบ ที่แสดงได้สมบทบาทดูไร้เดียงสาแต่ก็แอบดื้อเงียบ ๆ เขาเล่นได้เข้าขากับยักษ์ใหญ่ใจดีอย่าง “พี่เบิ้ม” เป็นที่สุด โดยเฉพาะซีนที่หนูน้อยวิ่งเข้าไปกอดเพื่อปกป้องไม่ให้ใครฆ่า “พี่เบิ้ม” คงเป็นภาพที่หลายคนอาจต้องเสียน้ำตาก็เป็นได้ 

จุดอ่อนของ Sweet Tooth 

การเล่าเส้นเรื่องคู่ขนาดยาว ๆ อีก 2 เส้นเรื่อง ทำให้การเข้าซีนดูวกวนชวนสับสนได้ โดยมีพาร์ตของอดีตนายแพทย์เชื้อสายอินเดีย “สิงห์” (นำแสดงโดย อาดีล อักห์ทาร์) ที่ต้องดูแลภรรยาติดเชื้อโรคร้าย กับพาร์ตของ “เอมี” (นำแสดงโดย ดาเนีย รามิเรซ)  สาวนักจิตวิทยาที่ต้องการให้ทุกชีวิตมีอิสรภาพ ทั้งสองเส้นเรื่องจะตัดสลับกับเนื้อเรื่องหลักของ “กัส” ดังนั้นถ้าใครไม่ได้ดูอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้เกิดความสับสนทันที อีกเรื่องที่ถือเป็นจุดอ่อนก็คือ ตัวหนังมีความ “โหด-ดุ-ดิบ” แฝงอยู่ในหลายบริบท ยกตัวอย่างเช่น การเผาบ้านโดยให้เจ้าของนั่งอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นการย่างสดให้ตายในบ้าน เพียงเพราะบุคคลผู้นั้นติดเชื้อโรค แล้วก็หยิบยกเอาซีนนี้ถ่ายทำให้เห็นภาพไฟที่กำลังไหม้นอกบ้านเท่านั้น ซึ่งหากผู้ปกครองเห็นว่าตัวละครน่ารัก จึงให้ลูกหลานตัวเล็ก ๆ รับชม ก็ขอให้เข้าใจเสียใหม่ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ แฝงความร้ายกาจไว้หลายซีน เพียงแต่เลี่ยงที่จะเสนอภาพของความโหดเหี้ยมสยองขวัญเท่านั้นเอง 

5/5 สำหรับภาพยนตร์ที่โชว์มุมกล้องสวย โดยเฉพาะป่าเขาธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และบทของหนูน้อยผู้น่ารักกับชายร่างใหญ่ แต่ยังเรื่องแอบแฝงไปด้วยความสยองขวัญ!

******************************************************

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี

โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก เว็บไซต์ Youtube และ netflix