ปกติ คุณหญิงพจมาน(อ้อ) ดามาพงศ์ อดีตภรรยาของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนเรียบร้อย พูดน้อย เก็บตัว และไม่ชอบเป็นข่าวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ ดร.ทักษิณประสบความสำเร็จทางธุรกิจโทรคมนาคม และความยิ่งใหญ่ทางการเมือง มีสื่อมวลชนติดต่อมาขอสัมภาษณ์คุณหญิงพจมานมากมายในฐานะหลังบ้านของนายกฯ แต่ไม่มีสื่อฯ ไหนเคยได้สัมภาษณ์เลย

เพื่อนใกล้ชิดคุณหญิงพจมานบอกว่า หลังจากครอบครัว “ชินวัตร” ประสบปัญหาทางการเมือง แล้วคุณหญิงพจมานได้ “หย่า” กับ ดร.ทักษิณมากว่า 10 ปี แต่ทว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังอยู่ในสถานะเป็นพ่อ-แม่ของลูกทั้งสามคน โดยมีการติดต่อพูดคุย ห่วงใยกัน ส่งอาหารการกิน และส่งคนไปช่วยดูแลอดีตสามีตามปกติ

“พจมาน-ทักษิณ”ไม่เคยเจอกัน

“แต่หลังจากหย่ากัน คุณหญิงพจมานไม่ได้ไปหา ดร.ทักษิณอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นที่ดูไบ ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ ส่วนใหญ่ลูกๆผลัดเปลี่ยนกันไปหาพ่อ ขนาดเมื่อปี 62 แต่งงานลูกสาวคนเล็ก(อุ๊งอิ๊ง) มีการเลี้ยงฉลองใหญ่โตที่ฮ่องกง แต่คุณหญิงพจมานไม่ได้ไป เหตุผลของเธอคืออยากดูแลแม่ (นางพจนีย์ ณ ป้อมเพชร) ซึ่งชรามาก และไม่ชอบนั่งเครื่องบิน”

คุณหญิงพจมานชอบกิน-เที่ยวกับกลุ่มเพื่อนสนิทสมัยเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ถ้าร้านไหนอาหารถูกปาก บรรยากาศสงบ ไม่พลุกพล่าน เด็กๆในร้านมารยาทดี และน่ารัก ก็จะแวะเวียนไปใช้บริการร้านนั้นบ่อยๆ

แต่ใครสักกี่คนจะรู้ว่า คนที่เรียบร้อย พูดน้อย เก็บตัว ไม่ชอบเป็นข่าวอย่างคุณหญิงพจมาน จะเป็นผู้มากบารมีคนหนึ่งของการเมืองไทย โดยเฉพาะคนในพรรคเพื่อไทยล้วนเกรงใจคุณหญิงพจมานกันทั้งพรรค เพราะอย่างน้อยอาคารที่ทำการพรรคเพื่อไทยยังเป็นทรัพย์สินของตระกูลชินวัตร

นอกจากบารมีทางการเมืองแล้ว ไม่แวดวงการธุรกิจก็ใช่ย่อย! เนื่องจากคุณหญิงพจมานกับลูกๆ 3 คน ทำธุรกิจมากมายและถือครองทรัพย์สินในประเทศไทยคิดเป็นมูลค่าเกินหมื่นล้านบาทไปไกล

เมื่อเดือนเม.ย.63 นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ประกาศอันดับมหาเศรษฐีเมืองไทย ปรากฏว่า ดร.ทักษิณติดอันดับ 16 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 6.04 หมื่นล้านบาท ส่วนของคุณหญิงพจมานกับลูกๆ 3 คน ก็มีทรัพย์สินรวมกันเกินหมื่นล้านบาทแน่ๆ

ถือหุ้นใหญ่ 2 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์

ปัจจุบันคุณพจมานกับลูกๆ ถือหุ้นใหญ่ใน 2 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ 1.บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ “SC” บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการบ้านหรู “บางกอก บูเลอวาร์ด” ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาหุ้น SC เมื่อวันที่ 29 ก.ย.63 อยู่ที่หุ้นละ 2.18 บาท เมื่อเปิดดูงบการเงินปี 60 มีรายได้ 12,472.40 ล้านบาท กำไร 1,258.58 ล้านบาท ปี 61 มีรายได้ 15,647.41 ล้านบาท กำไร 1,781.74 ล้านบาท ปี 62 มีรายได้ 17,786.73 ล้านบาท กำไร 2,026.42 ล้านบาท ส่วนครึ่งแรกปี 63 มีรายได้ 7,887.70 ล้านบาท กำไร 756.78 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ค.63 มีการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนในอัตราหุ้นละ 0.19 บาท

2.บริษัทโรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ “PR9” ทำธุรกิจโรงพยาบาลที่กำลังมาแรง โดยเมื่อวันที่ 29 ก.ย.63 ราคาของ“PR9” อยู่ที่หุ้นละ 6.55 บาท เมื่อดูงบการเงินปี 61 โรงพยาบาลพระรามเก้า มีรายได้ 2,733.54 ล้านบาท กำไร 157.23 ล้านบาท ปี 62 มีรายได้ 2,889.71 ล้านบาท กำไร 284.46 ล้านบาท ครึ่งแรกปี 63 มีรายได้ 1,190.44 ล้านบาท กำไร 48.70 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ค.63 มีการจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท

นอกเหนือจากการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทโรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) คุณหญิงพจมานกับลูกๆยังทำธุรกิจโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว สูงกว่า 30 ชั้น นั่นคือ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ย่านเพลินจิต มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โรงแรมเอสซีปาร์ค ย่านเลียบด่วนรามอินทราฯ โครงการอัลไพน์กอล์ฟ รีสอร์ท อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีทั้งสนามกอล์ฟพร้อมที่พัก รวมไปถึงสนามกอล์ฟอัลไพน์ฯ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มหาวิทยาลัยชินวัตร อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ซึ่งยังมีที่ดินรอบมหาวิทยาลัยรอการพัฒนาอีกเป็น 100 ไร่ รวมทั้งอาคารชินวัตร 1-4 และวอยซ์ทีวี

นี่ยังไม่รวมทรัพย์สินสิ่งปลูกสร้าง (อาคารพาณิชย์) อีกมากมายที่ซื้อไว้ตั้งแต่หลังวิกฤติฟองสบู่ (ปี39-40) กับที่ดินผืนงามย่านกลางเมืองหลายแปลง ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ เรียกว่าถ้างัดขึ้นมาพัฒนาเมื่อไหร่ ผู้คนวงการอสังหาริมทรัพย์ “ตาค้าง” ก็แล้วกัน

อีนุงตุงนังหมื่นล้านฯ-สู้ไปกราบไป!

ทั้งหมดนี้คือโครงข่ายธุรกิจและทรัพย์สินของคุณหญิงพจมานกับลูกๆ 3 คน ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาเลย! ถ้าเปรียบเทียบกับบทบาทและวิถีชีวิตของคุณหญิงพจมานซึ่งเป็นคนสงบเงียบ พูดน้อย ไม่ค่อยชอบเป็นข่าว แต่เพิ่งจะมาปรากฏตัวเป็นภาพข่าวเกรียวกราวสั่นสะเทือนวงการเมืองไทยเมื่อวันที่ 24 ก.ย.63

“คุณหญิงพจมานทำธุรกิจโรงพยาบาล ที่ผ่านมาลูกๆได้บริจาคอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลรัฐหลายแห่งอยู่เรื่อยๆ เขาก็เอาภาพมาลงในเฟซบุ๊กนะ ส่วนตัวคุณหญิงทำธุรกิจโรงพยาบาล เขาก็มีเครือข่ายพวกแพทย์ศิริราช-รามาฯ ดังนั้นการจะบริจาคอะไรจึงเป็นเรื่องปกติ ตามประสาคนมีเครือข่ายที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน” เพื่อนใกล้ชิดกล่าว

การเป็นผู้มีบารมีสูงทางการเมือง และคนในพรรคเพื่อไทยให้ความเกรงใจ “ทักษิณ-พจมาน” นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง! แม้ว่า “ทักษิณ” จะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมากว่า 10 ปี ไม่ได้มีธุรกิจภายใต้ชื่อ “ทักษิณ” แล้วก็ตาม

แต่สำหรับคุณหญิงพจมานกับลูกๆ ยังนัวเนีย อีนุงตุงนัง! กับธุรกิจมากมาย ไหนจะเป็นผู้มากบารมีทางการเมือง ไหนจะต้องทำธุรกิจ ยังต้องมีคอนเนกชั่น และถือครองทรัพย์สินอยู่ในประเทศนี้อีกเป็นหมื่นๆล้านบาท

ดังนั้นสภาพของการ “สู้ไป กราบไป” ที่คนทั่วๆไปมองเห็น จึงสลัดไม่หลุดจากครอบครัวชินวัตร.