การแข่งขันฟุตบอลไม่ว่าระดับใด ทุกทีมย่อมต้องการเป็นผู้ชนะ แต่กลับกันแม้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่สิ่งที่ทีมนั้นได้กลับไปคือบทเรียนเพื่อไม่เป็นผู้แพ้อีกในอนาคต และสำหรับโศกนาฎกรรมหนล่าสุดที่อินโดนีเซีย ในเกมระหว่างอารีมา เอฟซี พับ เพอร์เซบายา สุราบายา ที่สนามคันจูรูฮัน สเตเดียม ก็น่าจะเช่นเดียวกัน

เหตุการณ์แฟนบอลเหยียบกันเสียชีวิต 131 คน บาดเจ็บมากกว่า 300 คน ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น แต่นี่จะเป็นบทเรียนไม่ให้พวกเขาและคนอื่นๆ พลาดซ้ำสอง

อะไรที่พลาดบ้าง? รายงานระบุว่าเกมของคู่นี้เดือดมากอยู่แล้ว เนื่องจากทีมเยือนอยู่ห่างจากเจ้าถิ่นแค่ 100 กม. นี่จึงเป็นเหมือนเกมดาร์บี้ แฟนบอลสองฝ่ายก็ตีกันอยู่เนืองๆ ตำรวจอ้างว่าได้ขอแล้วให้เลื่อนเวลาเตะเร็วขึ้นแทนที่จะเป็น 2 ทุ่ม และมีการห้ามแฟนสุราบายาตามมาเชียร์

แต่สุดท้ายไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซ้ำเติมด้วยความหละหลวมที่ขายตั๋วออกไปมากกว่า 42,000 ใบทั้งที่สนามรองรับแฟนบอลได้แค่ 38,000 คน

ความผิดพลาดต่อมาคือกองเชียร์ที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ดาหน้ากันลงไปในสนามเพราะผิดหวังที่ทีมรักปราชัย มีการขว้างปาขวดและวัตถุไปยังนักเตะและเจ้าหน้าที่ ความรุนแรงกระจายไปถึงบริเวณนอกสนาม

ตำรวจเองก็ผิดพลาดมากที่สุดเมื่อตอบโต้ความรุนแรงด้วยความรุนแรงที่เลวร้ายกว่า พวกเขาใช้ไม้กระบองฟาด ใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าใส่กองเชียร์ (ซึ่งตามปกติแล้วตามกฎฟีฟ่าตำรวจไม่ควรพกอาวุธลงไป) ลองนึกดูว่าคน 4 หมื่นกว่าคนจะหวาดกลัวกันแค่ไหน ยิ่งคนที่คุมสติไม่ได้ ก็พยายามรีบออกจากสนามให้เร็วที่สุด นำไปสู่ความผิดพลาดเรื่องต่อมาคือทางออกอย่างน้อย 3 ประตู ดันถูกล็อคเอาไว้ คนจึงไปแออัดกันที่ทางออกแค่ไม่กี่ทาง จบชีวิตทันทีที่สนามเพราะขาดอากาศ 34 ราย และตายกันมากสุดที่ทางออกหมายเลข 13

ไม่ใช่แค่นั้นมีการเปิดเผยอีกว่าฝ่ายจัดหละหลวมถึงขนาดไม่เตรียมรถพยาบาลไว้สักคันเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉิน แต่กลับขอทางการไปแค่เจ้าหน้าที่ที่สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19

สรุปแล้วนี่จึงเป็นความผิดพลาดที่ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันในคราเดียว ขายตั๋วเกิน คนดูโมโห คนดูขาดสติ เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ไม่มีมาตราการด้านความปลอดภัยเตรียมพร้อม รถพยาบาลไม่มี ประตูทางออกที่มีก็ไม่เปิดทั้งหมด

หายนะจึงเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้.

เฮียเอง