เท่าที่ได้สัมผัสในวันแรกของชีวิตในกรุงโดฮา ดูเหมือนฟุตบอลโลกครั้งนี้ บรรยากาศแตกต่างจากฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่าน ๆ มาอย่างสัมผัสได้ค่อนข้างชัดในหลาย ๆ เรื่อง…

หลังลงเครื่องแบบผ่านฉลุยง่ายดายเกินคาด ชนิดที่ ตม. แค่ขอดูพาสปอร์ตให้ตรงไม่ผิดตัว เท่านั้นก็ผิวปากแอ่นแต้เข้ากาตาร์ได้อย่างสบายบรื๋อ ผิดกับ 4 ปีก่อนที่ต้องมีหลักฐานเป็นจดหมายยืนยันจาก ฟีฟ่า และตรวจกันเข้มตั้งแต่ที่สนามบิน  

และหลังจัดการเรื่องต่าง ๆ รวมถึงเสร็จภารกิจรับบัตรประจำตัวสื่อมาห้อยคอเรียบร้อย ก่อนกลับที่พักทีมงานสื่อไทย ลงฉันทามติร่วมกัน เห็นสมควรว่าเราน่าจะแวะไปเยือน “ซุค วาคีฟ” ตลาดขายสินค้าพื้นเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวง และเป็นสถานที่ยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยว

แต่กับบรรยากาศในซู​ค วาคีฟ ที่คาดหมายกันว่าน่าจะเป็นแหล่งรวมพลของบรรดาแฟนบอลแต่ละทีม กลับหาความคึกคักตามที่ควรจะเป็นไม่เจอ ทั้งที่ศึกเวิลด์คัพเปิดฉากแล้ว เท่าที่เห็นด้วยตาเปล่า 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นชาวกาตาร์ที่มาเดินเที่ยวกันเอง

บรรยากาศมันเหมือนชาวท้องถิ่นมาเดินเที่ยวงานประจำปีอะไรสักอย่าง ส่วนใหญ่รวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ แล้วเดินกันงุด ๆ เหมือนจะรวมกลุ่มไปตีกับอริยังไงไม่ทราบ 

เท่าที่เห็น สื่อทีวีจากต่างชาติหลายรายต้องแบกกล้องไปจ่อแล้ว “บิลต์” ​ให้แฟนบอลทีมอื่น ๆ ที่มีอยู่หร็อมแหร็มช่วยร้องเพลงเชียร์หน้ากล้องเอาเองเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งไม่มีเครื่องดื่มสีอำพันมีฟองช่วยเติมความคึก ยิ่งแลดูหงอยไปกันใหญ่ 

ผิดกับ 4 ปีก่อนที่รัสเซีย ซึ่งผมไปสัมผัสมา บอกได้เลยว่าแฟนบอลทุกทีมบุกจับกลุ่มร้องเพลงเชียร์ประกาศศักดาตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ อย่างคึกคักตั้งแต่ก่อนเปิดสนามเป็นอาทิตย์แล้ว

ดูแล้วงานนี้ต้องลุ้นกันหนักว่า ถึงเวลาเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ สีสันบรรยากาศของฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเหงาหงอยเหมือนตอนก่อนเปิดฉากหรือไม่ 

ถ้าถึงเวลาแล้วยังเร่งไม่ขึ้น ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจกลายเป็นฟุตบอลโลกที่กร่อยที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว… 

ผยองเดช