เส้นทางแรกที่ผมขับเข้าไปพบว่าน้ำท่วมถนน รถข้างหน้าตกหล่มไปต่อไม่ได้ เวิ้งน้ำสองข้างทางเยอะมากจะปริ่มเข้ามาในถนน…ผมไม่ได้สนใจข่าวน้ำท่วมมาสักพักแล้วเพราะกรุงเทพฯ ไม่ท่วม แต่คนต่างจังหวัดที่รับน้ำแทนคนกรุงเทพฯ เขายังต้องอยู่กับบ้านที่น้ำท่วมไปอีกเป็นเดือน…น่าเห็นใจครับ

ในที่สุดผมหาทางเข้าไปไร่ดวงธรรม นำสว่าง เพื่อไปพบกับ คุณประนอมวรรณ กิจศรีโอภาค ผู้อำนวยการสถานปฏิบัติธรรมฯ หรือคนแถวนั้นเรียกว่า “ครูนอม” ผมได้พูดคุยกับครูนอมมาก่อน จึงอยากมาดูว่ากำแพงที่เคยกั้นน้ำพังทลายขนาดไหน แล้วชาวบ้านใกล้เคียงต่างมาช่วยเหลือทำกำแพงกระสอบทรายกั้นน้ำทั้งคืน เพื่อไม่ให้น้ำล้นสู่ไร่นาของคนอื่นต่อ ทำได้อย่างไร นอกจากจะได้เห็นของจริงแล้ว ยังได้พูดคุยกับชาวบ้านรอบข้างครูนอมอีกด้วย

พี่แหม่มและพี่สุ (เพื่อนบ้านของครูนอม) เล่าว่า กำแพงทลายราว 5 ทุ่ม น้ำทะลักเข้ามาเสียงดังมาก พี่สมศักดิ์และพี่นุกูล เพื่อนบ้านถัดจากบ้านครูนอม เล่าว่า เขาเองก็ไม่ได้อยู่บ้านเพราะไปงานกฐินที่ต่างจังหวัด พอกำแพงแตก ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์จากชาวบ้าน เขาก็สั่งคนในบ้านขนของขึ้นให้หมดและแจ้งให้นำรถแบ๊กโฮมาช่วย พี่สมศักดิ์คาดว่า กำแพงอิฐบล็อกไม่ได้ฉาบปูนแช่น้ำนานหลายปี จนถึงวันหนึ่งก็ชุ่มน้ำและเอาไม่อยู่ เพราะน้ำในแม่น้ำนครชัยศรีขึ้นสูงมาก (วัดแล้วถึงระดับคอ) มวลน้ำมหาศาล กำแพงเก่าจึงต้านไม่ไหว

พี่แหม่มซึ่งบ้านตัวเองจมน้ำไปแล้ว กล่าวติดตลกว่า “ใต้เตียงพี่ มีปลาและเต่าว่ายน้ำอยู่” แต่พอรู้ว่าน้ำทะลักเข้าบ้านครูนอม เราต้องไปช่วย พี่สุบอกว่าระดมโทรฯหาทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับ อบต. เทศบาล และจังหวัด ช่วยกันหากระสอบทราย และได้ประตูเหล็กมายันไว้ก่อนแล้วสร้างแนวกระสอบทราย

ชาวบ้านรอบข้างก็มาช่วยกันเป็นร้อยคนกลางดึกทั้ง ๆ ที่ควรเป็นเวลาเข้านอน ช่วยกันขนกระสอบทรายมาทำเป็นกำแพง แล้วมันก็เป็นงานยาก เพราะหนึ่งเกิดขึ้นตอนกลางคืน สองคืนน้ำมันเยอะท่วมหัว วางกระสอบต้องดำน้ำลงไปวางแล้วเอาเท้าเหยียบ ๆ ไว้ ทำไปไม่หยุดจนก่อขึ้นมาเป็นกำแพงได้

ครูนอมบอกผมว่า แม้เราจะมีของทุกอย่าง ทราย กระสอบ จอบเสียมวางไว้ แต่ถ้าไม่มีน้ำใจและความเสียสละจากชาวพื้นบ้านในพื้นที่และชุมชนใกล้เคียงมาช่วยกัน น้ำคงทะลักเข้าไร่เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ เพราะตำแหน่งไร่ของครูนอมเป็นจุดยุทธศาสตร์ ถ้าเขื่อนแตก น้ำจะท่วมพื้นที่ที่อยู่อาศัยและไร่นาด้านหลังทั้งหมดเลย อีก 400-500 ชีวิตจะลำบากไปด้วย

ตัวครูนอมมีบ้านพักอยู่กรุงเทพฯ แต่มีไร่ที่นี่ทำเป็นสถานปฏิบัติธรรมเพื่อการสาธยายธรรมด้านพุทธวจนะให้แก่ผู้สูงอายุและฝึกอบรมสมาธิให้แก่เยาวชน ช่วงก่อนโควิด คุณนอมมาที่นี่เพื่อจัดกิจกรรมเกือบทุกสัปดาห์ วันที่เกิดเหตุน้ำทะลักครูนอมอยู่กรุงเทพฯ แต่ก็ได้รับโทรศัพท์กลางดึกแจ้งว่าชาวบ้านมาช่วยกัน หาประตูเหล็กมายัน หากระสอบทรายมาสร้างเป็นแนวกั้น ทำกันตั้งแต่กลางดึกถึงเช้า ครูนอมประทับใจที่วิกฤติครั้งนี้ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ คือ พลังของน้ำใจ ความสามัคคี และภูมิปัญญาของชาวบ้าน เพราะถ้าให้คนทั่วไปมาวางกระสอบทรายคงไม่รู้วิธีและทำได้มีประสิทธิภาพอย่างนี้ ชาวบ้านสามารถกู้วิกฤติน้ำภายใน 24 ชั่วโมง

ครูนอมอยากจะขอบคุณชาวบ้าน อบต. เทศบาล จังหวัด ภาครัฐและเอกชนที่มาช่วยเหลือกัน ในกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ครูนอมจึงจัดเลี้ยงอาหารขอบคุณชาวบางเลน ในตำบลลำพญา ตำบลคลองนกกระทุง ตำบลบางระกำ เทศบาลตำบลลำพญา และบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ยังมีการวัดสายตาเพื่อประกอบแว่นให้ฟรีแก่ผู้สูงอายุ เด็ก พระภิกษุสงฆ์ และมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนด้วย ผมฟังเรื่องราวเหล่านี้แล้วประทับใจจึงอยากจะมาเล่าให้ฟังครับ.

………………………………………..
คอลัมน์ : ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย “น้าเมฆ”
https://facebook.com/cloudbookfanpage