เผลอแป๊บเดียว ฟุตบอลโลก 2022 ก็กำลังจะรูดม่านลงแล้ว โดยที่ อาร์เจนตินา กับ ฝรั่งเศส คือ 2 ทีมที่จะชิงความเป็นเจ้าแห่งโลกลูกหนังกันในรอบชิงดำ…
จะว่าไปนับตั้งแต่มาที่นี่ ผมยังแทบไม่ได้เล่าเรื่องราวของ กาตาร์ เท่าที่ตาเห็น ดังนั้นวันนี้จึงถือโอกาสแชร์มุมมองที่ได้เห็นให้ฟัง (อ่าน) กันสักนิด
สัมผัสแรกเมื่อเท้าได้สัมผัสแผ่นดินของ กาตาร์ ความรู้สึกไม่ต่างจากที่เคยจินตนาการไว้ ถ้าเป็นนอกเมือง บ้านเรือนที่เห็นก็จะเป็นสไตล์อาหรับอย่างที่เราเคยเห็นกันในหนัง สลับกับพื้นที่กว้างและปล่องโรงกลั่นน้ำมันสูงละลิ่วอยู่ลิบ ๆ แต่เมื่อเข้าสู่ย่านใจกลางเมือง ตึกสูงระฟ้ารูปร่างแปลกตามีให้เห็นจนเบื่อ
ส่วนชีวิตของผู้คนที่นี่ ช่วงกลางวันเงียบเหงา และเหมือนว่าชีวิตของพวกเขาจะเริ่มต้นเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ขนาดตี 1 ตี 2 ในย่านใจกลางเมืองรถรายังวิ่งกันขวักไขว่ และที่น่าแปลกคือที่นี่มีร้านรวงที่เปิด 24 ชั่วโมงเยอะมาก พวกร้านอาหารนี่ไม่ต้องพูดถึง ตี 1 ตี 2 ยังมีให้ซื้อหามายาไส้กันแบบสบาย ๆ อย่างร้าน Hot Tea ที่ผมฝากท้องบ่อย ๆ แถวที่พักก็เปิด 24 ชั่วโมงเช่นกัน ขอบอกว่าข้าวผัดเนื้อกล่องละ 180 บาทไทย อร่อยเหาะอย่าบอกใคร
แต่บางร้านก็ไม่เข้าใจว่าเปิดทำไม 24 ชั่วโมง อาทิ ร้านตัดผม ร้านขายยา แม้กระทั่งร้านซ่อมยางรถยนต์ ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นเหตุผลเรื่องสภาพอากาศ ที่หน้าร้อนจะร้อนมหาโหดในช่วงกลางวัน ซึ่งพี่เจ้าของบ้านที่ผมพักอยู่ที่นี่ให้คำนิยามว่า “เหมือนเปิดเตาอบใส่หน้า”
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นประเทศที่มั่งคั่ง สาธารณูปโภคต่าง ๆ จึงมีบริการแบบจัดเต็ม ทั้ง ไฟฟ้า ประปา ที่ประชาชนชาวกาตาร์ใช้ฟรี รวมถึงระบบขนส่งมวลชนที่ราคาถูกแสนถูก อย่างรถไฟฟ้า หรือ “เมโทร” ก็คิดราคาเป็นเที่ยว เที่ยวละ 2 ริยัล หรือแค่ 20 บาทเท่านั้น
อีกทั้งในย่านใจกลางเมืองนั้น มีห้างสรรพสินค้าให้คุณเข้าไปเดินตากแอร์ช้อปปิ้งนับสิบแห่ง และส่วนใหญ่เป็นห้างหรูระดับแบรนด์เนมเสียด้วย ดูแล้วน่าจะติดโผเมืองที่มีห้างเยอะเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อย่างไรก็ตาม มันย่อมนำมาซึ่งค่าครองชีพที่สูงกว่าบ้านเราพอสมควร เอาว่ากินข้าวแบบธรรมดา ๆ 1 มื้อเฉลี่ยต้องมีอย่างน้อย 300-400 บาทไทย
ส่วนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวนั้น นอกเหนือจาก “ซูค วาคีฟ” ที่ประจำของผมแล้ว ถ้าคุณมีเวลา ที่นี่ยังมีอีกหลายที่ให้ไปสัมผัส ทั้งแนวพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ แนวแอดเวนเจอร์อย่างการทัวร์ทะเลทรายขี่อูฐ ไปจนถึงแนวธรรมชาติอย่างชายหาด
แค่ยามเย็นย่ำไปเดินเล่นที่ Corniche ทางเดินเลียบอ่าวยาว 7 กิโลเมตร กับวิวของตึกสูงระฟ้ารูปร่างแปลกตาในย่าน“เวสต์ เบย์” ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของอ่าว ยิ่งเป็นช่วงฤดูหนาวแบบนี้ อากาศเย็น ลมพัดกำลังดี มันก็ทำให้คุณเพลิดเพลินจนลิมเวลากันได้ง่าย ๆ เรื่องความปลอดภัยก็หายห่วง ดึก ๆ ดื่น ๆ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่นี่กฎหมายเค้าแรง
แค่ที่เล่ามานี้ ผมว่ามันก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อ กาตาร์ ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาได้เยอะแล้ว จากที่เคยรู้สึกเฉย ๆ ตอนนี้ผมรู้สึกว่า กาตาร์ เป็นประเทศที่น่าอยู่มากขึ้นกว่าเดิม
ให้มาอีกก็ไม่ขัดข้อง เพราะรู้สึกว่าที่นี่ยังมีอะไรอีกหลายอย่างให้เราได้สัมผัส
ผยองเดช