ตลอดช่วงหนึ่งขวบปีที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นในแวดวงลูกหนังโลกมากมาย และแน่นอนว่า ฟุตบอลโลก 2022 คือหัวข้อที่ถูกหลายคนหยิบยกมาพูดถึงมากที่สุด

ฟุตบอลโลก 2022 ถูกจัดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้ง เนื่องจากชาติตะวันตกมองว่า กาตาร์ ไม่สมควรได้รับสิทธิในการจัดมหกรรมลูกหนังโลกตั้งแต่แรก เพราะความไม่เหมาะสมในหลาย ๆ ด้าน แต่ ฟีฟ่า ก็ยังสำแดงปาฏิหาริย์ผลักดันให้ เวิลด์ คัพ ฉบับตะวันออกกลางเกิดขึ้นจนได้ แม้จะต้องแหวกม่านประเพณีด้วยการย้ายฟุตบอลโลกมาเตะกันในฤดูหนาวก็ตาม

ความดึงดันของ ฟีฟ่า สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการลูกหนังยุโรปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับเรื่องโปรแกรมการแข่งขันที่หลายชาติ รวมไปถึง ยูฟ่า ต้องปรับเปลี่ยน และเร่งเตะกันแบบนอนสต็อปจนส่งผลให้นักเตะหลายคนได้รับบาดเจ็บกระทั่งชวดเดินทางไปโชว์ฝีเท้าใน เวิลด์ คัพ ครั้งนี้ในที่สุด ทว่า องค์กรลูกหนังโลก ดูจะยังไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลัง อาร์แซน เวนเกอร์ ประธานฝ่ายพัฒนาฟุตบอลของฟีฟ่า เผยว่า ฟุตบอลโลกอาจจะถูกจัดขึ้นในฤดูหนาวอีกครั้งในอนาคต

ยิ่งไปกว่านั้น จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า ยังแย้มด้วยว่า พวกเขากำลังจะปรับรูปแบบการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก โดยจะเพิ่มทีมขึ้นจากเดิมที่คัดเอาแชมป์แต่ละทวีปมาเตะกันแค่ 7 ทีม เป็น 32 ทีม เพื่อให้เหมือนกับการแข่งขันฟุตบอลโลก เริ่มตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2022 ยังทำให้เราได้เห็นฉากจบที่ต่างกันของ 2 นักเตะที่ได้รับการยกย่องว่า เก่งกาจที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาอย่าง ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด อีกด้วย

ปีทองของ ลิโอเนล เมสซี

ในขณะที่ เมสซี มีฉากจบในฝันหลังพา อาร์เจนตินา ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ไปครองได้สำเร็จจนสามารถก้าวขึ้นไปยืนเคียงข้างตำนานลูกหนังอย่าง เปเล่, ดีเอโก มาราโดนา, ซีเนดีน ซีดาน และ โรนัลโด “R9” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ปีนี้เป็นปีที่ย่ำแย่ของ คริสเตียโน โรนัลโด

ทว่าคู่แค้นแสนรักอย่าง โรนัลโด กลับปล่อยให้ โลภะ โทสะ และโมหะ เข้าครอบงำจนทำให้ฉากจบในบั้นปลายชีวิตค้าแข้งของ “ซีอาร์ 7” ทำท่าจะจบลงอย่างไม่สวยหรูเท่าที่ควรจะเป็น นี่เป็นซีซั่นที่แย่ที่สุดในชีวิตของดาวเตะเลือดฝอยทองก็ว่าได้ จุดเริ่มต้นจากการที่มีข่าวว่าเขาต้องการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์ ตามด้วยการไม่ได้มาซ้อมช่วงปรีซีซั่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนตกเป็นตัวสำรอง

การสัมภาษณ์ที่ทำให้ CR7 แตกหักกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

จนสุดท้ายความไม่พอใจของเจ้าตัวก็ระเบิดออกมา เขาให้สัมภาษณ์กับ เพียร์ส มอร์แกน อัดต้นสังกัดแบบไม่มีชิ้นดี ทำให้ “ผีแดง” ไม่มีทางเลือกต้องยกเลิกสัญญา ตามมาด้วยการถูกดร็อปจากตัวจริงทีมชาติในฟุตบอลโลก เรียกว่าเป็นความตกต่ำอย่างสมบูรณ์แบบ ต้องรอดูว่าจากนี้ อนาคตค้าแข้งของ โรนัลโด จะเป็นอย่างไรต่อไป

ส่วนคำถามที่ว่า หากหมดยุคของ เมสซี และ โรนัลโด แล้ว ใครจะก้าวขึ้นมารับไม้ต่อในตำแหน่งสุดยอดซุป’ตาร์แห่งวงการลูกหนังโลก ผลงานของนักเตะดาวรุ่ง อาทิ คีลิยัน เอ็มบัปเป, ฮูเลียน อัลวาเรซ, เออร์ลิง ฮาลันด์, วินิซิอุส จูเนียร์ และ ราฟาเอล เลเอา ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา น่าจะสามารถตอบคำถามนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ ประธานเป้ ที่ไม่เพียงจะสามารถรับไม้ต่อจากทั้ง เมสซี และ โรนัลโด ได้เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ได้ไม่แพ้รุ่นพี่ทั้ง 2 คนด้วยซ้ำ

คีลิยัน เอ็มบัปเป ว่าที่ราชาลูกหนังโลกคนต่อไป

พูดถึงฟุตบอลในระดับทีมชาติ อีกประเด็นที่น่าพูดในในรอบปีที่ผ่านมา นั่นคือความสำเร็จของทัพนักเตะสาว “ไลออนเนส” อังกฤษ ซึ่งคว้าแชมป์ยูโรมาครองเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เยอรมนี 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษที่เวมบลีย์ สร้างความสุขให้แฟนบอลชาวเมืองผู้ดี ที่ยังไม่เคยได้เฮกับทีมชายมาตั้งแต่ได้แชมป์โลก 1966 และแชมป์ครั้งนี้ก็ทำให้นักเตะแม่เนื้อนิ่มหลายคนในทีมชุดนี้ ขึ้นชั้นเป็นซูเปอร์สตาร์ไปในทันที

ทัพนักเตะสาวทีมชาติอังกฤษ คว้าแชมป์ยูโรมาครอง

และหากพูดถึงวงการฟุตบอลในระดับสโมสร ลีกใหฐ่ของยุโรปซีซั่น 2021-22 นั้น ถือเป็นหนึ่งในซีซั่นที่สนุกตื่นเต้นในรอบหลาย ๆ ปี โดยเฉพาะบรรดาลีกใหญ่ ๆ อย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ลุ้นกันสนุกถึงเกมสุดท้ายของฤดูกาล ลิเวอร์พูล ที่ลุ้น 4 แชมป์จนถึงช่วงทางตรงก่อนเข้าเส้นชัย แต่สุดท้ายพลาด 2 แชมป์ใหญ่อย่างแชมป์ลีกให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี อย่างเฉียดฉิว ขณะที่แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ไปแพ้ รีล มาดริด คู่ปรับเก่า หวุดหวิด 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ที่กรุงปารีส ซึ่งเต็มไปด้วยเหตุวุ่นวาย แต่ยังดีที่สาวก “หงส์แดง” มี แชมป์บอลถ้วย 2 รายการทั้ง เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ ปลอบใจ

หงส์แดง ลุ้น 4 แชมป์ แต่สุดท้ายพลาด 2 ถ้วยใหญ่

ขณะที่ในศึกกัลโช เซเรีย อา การแย่งแชมป์ก็สุดมันยันท้ายซีซั่น ก่อนที่ เอซี มิลาน จะเข้าป้ายโดยเฉือน อินเตอร์ มิลาน คู่ปรับร่วมเมืองไป 4 แต้ม ขณะที่ ลา ลีกา สเปน นั้น รีล มาดริด คว้าแชมป์โดยทิ้ง บาร์เซโลนา ขาดลอย บุนเดสลีกา เยอรมนี แชมป์ก็ยังเป็นหน้าเดิมอย่าง บาเบิร์น มิวนิก ที่ทิ้ง โบรุสเซีย ดอร์ตตมุนด์ 8 คะแนน ส่วน ลีก เอิง นั้นไม่ต้องพูดถึง แชมป์เป็นของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งมี 3 มนุษย์ต่างดาวอย่าง ลิโอเนล เมสซี, เนย์มาร์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป รวมตัวกันเป็นซีซั่นแรก

แมนฯ ซิตี ยังป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกเอาไว้ได้

และเมื่อเข้าสู่ซีซั่นใหม่ การลุ้นแชมป์ในหลาย ๆ ลีกใหญ่ในยุโรป ถือว่าสนุกสูสีเมื่อผ่านพ้นไปราวครึ่งทาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีฟุตบอลโลกมาคั่นกลาง ทำให้ฟุตบอลลีกซีซั่นนี้ไม่เหมือนซีซั่นอื่น หลังจบ เวิลด์ คัพ หลายทีมเหมือนต้องออกสตาร์ตกันใหม่ ทำให้การลุ้นแชมป์น่าจะสนุกตื่นเต้นไปจนถึงช่วงท้ายซีซั่น ไม่แพ้ฤดูกาลที่ผ่านมา

และสุดท้ายทีมไหนจะเข้าป้ายหลังฤดูกาลนี้จบลง น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งครับ…

ทีมข่าวกีฬาเดลินิวส์