วันที่เปิดศูนย์พักคอย ผมได้พบกับเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่มาช่วยงาน พวกเขาใส่เสื้อเขียนคำว่า SEED หลายคนอยากรู้ว่าเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้มาทำอะไร ผมได้คุยกับ “ต้นน้ำ” สรวง สิทธิสมาน เป็นตัวแทนของ SEED Thailand มาบอกเล่าเรื่องราวว่าพวกเขามารวมตัวกันได้อย่างไรและทำอะไรให้กับสังคมไทยครับ

ต้นน้ำออกตัวว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเยาวชน SEED Thailand ตั้งแต่ต้น องค์กรที่ก่อตั้งเป็นคณะกรรมการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ร่วมกับมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ SEED Project โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนในระดับท้องถิ่นให้เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ มีจิตสำนึกรักบ้านเกิด มีความตั้งใจที่จะร่วมพัฒนาประเทศและรวมตัวกันทำกิจกรรมเพื่อสังคม

หลังจากนั้นมีการก่อตั้งกลุ่มเยาวชน SEED Thailand ที่มีสโลแกนว่า “แตกหน่อพันธุ์ดี ไม่มีที่สิ้นสุด” ต้นน้ำเล่าว่ามีเพื่อนเขา 3 คนเป็นรุ่นก่อตั้ง (ก๊อตจิ มาร์ค และพี่เพชร) ส่วนใหญ่สมาชิกจะมาจากองค์การนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ผู้นำเยาวชนจากทั่วประเทศมารวมตัวกันทำจิตอาสาและอบรมความเป็นผู้นำ ครั้งที่มีการรวมตัวครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วชื่อว่า SEED Project ตอนนั้นต้นน้ำเรียนอยู่ที่ประเทศจีน แต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนักในประเทศจีน ทำให้เขาต้องกลับมาเรียนออนไลน์ที่ประเทศไทย เพื่อนของต้นน้ำรู้ว่าเขาชอบทำกิจกรรมและทำงานในสมาคมนักศึกษาไทยในเซี่ยงไฮ้ จึงชวนมาร่วมโครงการตั้งแต่กิจกรรมแรก แล้วค่อย ๆ ขยายเครือข่ายไปตามต่างจังหวัดทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

กิจกรรมของ SEED Project จะมีการแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกัน ฟังบรรยายจากวิทยากรเก่ง ๆ (อาทิ อาจารย์วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ จาก EduZones พี่ตั้ม-ณัฐพร วุ่นกลิ่นหอม) มาอบรมเรื่องความเป็นผู้นำในอนาคต เทรนด์เรื่องเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่น่าสนในต่างประเทศ เพื่อที่จะให้เยาวชน SEED เกิดแรงบันดาลใจและนำความรู้นี้ไปพัฒนาตัวเอง มีเป้าหมายในชีวิต และกลับไปพัฒนาชุมชนที่อยู่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ช่วงโควิดที่ผ่านมา กลุ่มเยาวชน SEED ระดมสมองกันว่าพวกเราจะช่วยเหลือสังคมเกี่ยวกับวิกฤตโควิดได้อย่างไร ในที่สุดเราได้ keyword คำว่า “Save Thai Fight Covid” นำไปเสนอผู้ใหญ่ ท่านเห็นด้วย แล้วก็ดำเนินการทันที อย่างไรก็ตาม ลำพังเยาวชน SEED ยังอายุน้อย การให้ความช่วยเหลือมีข้อจำกัด ท่าน ส.ว.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ช่วยติดต่อประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ ผ่านมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคมให้มาช่วยเหลือ ได้ภาคเอกชนอย่างบริษัท RBS Group โดย ดร.นพพล ชูกลิ่น ประธานบริษัทฯ อนุญาตให้ใช้สถานที่ทำงานและพนักงานมาช่วยกันแพ็กกล่อง Save Thai Fight Covid ส่วนเยาวชน SEED จะทำงานทั้งในส่วนหลังบ้านและหน้าบ้าน

ทำงานหลังบ้านคือ เราติดต่อประสานงานกับบริษัท Nice Call ที่ทำด้าน Call Center เบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย ที่รับเคสมาจากเบอร์ 1668 ทีมเยาวชน SEED จะโทรไปหาผู้ป่วยเพื่อลงทะเบียน ขอที่อยู่ในการจัดส่ง และเก็บข้อมูลอย่างละเอียด เช่น ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอะไร ตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ ต้องการอาหารอะไรเป็นพิเศษ เพราะข้อมูลเหล่านี้มีผลต่อการจัดเวชภัณฑ์บำรุงในกล่อง รวมถึงโทรไปติดตามอาการและให้กำลังใจ อีกส่วนหนึ่ง เครือข่าย SEED ที่เป็นโปรแกรมเมอร์ทำการพัฒนาระบบ Web Application และ LINE OA เพื่อตอบคำถามและให้ข้อมูลกับผู้ป่วยที่มาลงทะเบียนในช่องทางออนไลน์

ส่วนงานหน้าบ้านคือ เป็นแนวหน้าที่รับกล่อง Save Thai Fight Covid ไปส่งตามบ้านผู้ป่วย เดือนที่แล้วออกไปทุกวันไม่มีวันหยุด ผมสอบถามว่าแล้วผู้ปกครองไม่ห่วงหรือเพราะถือเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูง ต้นน้ำบอกว่า ทุกคนต้องไปคุยกับที่บ้านให้เข้าใจก่อน ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่ของต้นน้ำก็ไม่อยากให้ไป แต่เมื่อพูดคุยแล้วท่านเห็นความตั้งใจที่เราอยากไปช่วยสังคมและสัญญาว่าการ์ดจะไม่ตก จะใส่ชุด PPE ถุงมือ และหน้ากากตลอดเวลา ท่านก็อนุญาต และเมื่อกลับเข้าบ้าน ที่บ้านก็ต้องมีมาตรการแยกกักตัวเว้นระยะห่างในช่วงที่ไปลงพื้นที่ทุกวัน

เครือข่าย SEED ที่อยู่ตามต่างจังหวัดก็จะติดต่อส่งข้อมูลให้กัน โดยเฉพาะจังหวัดเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม เช่น จังหวัดตากหรือ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่ามีความต้องการอะไรให้แจ้งมา เราจะส่งชุดอุปกรณ์การแพทย์และกล่อง Save Thai Fight Covid ไปสนับสนุน ต้นน้ำบอกว่าในเดือนนี้มีทหารจากกองทัพไทยมาช่วยรับกล่องไปส่งตามบ้านแทน อีกทั้งเคสผู้ป่วยน้อยลงเพราะเบอร์ 1668 ยกเลิกไป จึงรับผู้ป่วยทางออนไลน์อย่างเดียว ทำให้แนวหน้าลงพื้นที่น้อยลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทีมงานเยาวชน SEED ก็ยังคงโทรศัพท์ไปหาผู้ป่วยและทำงานด้านแอพพลิเคชั่นต่อไป ผมถามต้นน้ำว่า ถ้าวัยรุ่นสนใจจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ SEED Thailand ต้องทำอย่างไรบ้าง ต้นน้ำบอกว่า ทีมงานจะรับเยาวชนในระดับอุดมศึกษา อย่างไรก็ตามน้อง ๆ มัธยมที่สนใจ เรามี SEED มัธยม ซึ่งในตอนนี้ มีโครงการ Digital Alert Phase 1 เป็นการอบรมออนไลน์ด้านเทคโนโลยีที่มีผลต่อเด็กไทย ให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ผู้ที่สนใจเข้าไปที่ https://www.facebook.com/seedprojectthailand ในนั้นจะมีตารางอบรม แจ้งข้อมูลของกิจกรรม อาทิ อบรมเรื่อง Cyber Foot Print Cyber Bully Fake News การที่ต่างประเทศมองมายังประเทศไทยผ่านแว่นตาดิจิทัล ฯลฯ ลองเข้าไปดูกิจกรรมของเยาวชนรุ่นใหม่กันนะครับ.

………………………………………..
คอลัมน์ :
ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย
“น้าเมฆ”
https://facebook.com/cloudbookfanpage