รัฐบาลสหรัฐเสนองบประมาณสนับสนุน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 120,000 ล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานดักจับและจัดเก็บก๊าซอย่างถาวร นับเป็นความพยายามระดับโลกครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อหยุดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศผ่านระบบ “การดักจับอากาศโดยตรง” (ดีเอซี) และขยายเครดิตภาษีเป็น 180 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (ราว 6,200 บาท) เพื่อรองรับเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต
แม้การจัดการคาร์บอนส่วนมากจะมาจากวิธีแก้ปัญหาทางธรรมชาติ เช่น การปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น หรือการเพิ่มความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนของดิน แต่วิธีกำจัดคาร์บอนอย่างถาวร เช่น ดีเอซี ก็มีความจำเป็นเช่นกัน
กระนั้น อุปสรรคในการดำเนินการกลับมีอยู่มากมาย ทั้งโรงงานขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ที่ดักจับคาร์บอนได้เพียง 4,000 ตันต่อปี และมีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงกลุ่มที่มีศักยภาพแต่ขาดประสบการณ์ ตลอดจนผู้ซื้อสินเชื่อระดับองค์กรที่ส่วนใหญ่ยังคงไม่ได้รับความสนใจมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดักจับมาได้ ต้องถูกเก็บไว้อย่างถาวรด้วยเช่นกัน
มีการเสนอเงินทุน 3 ระดับ ตั้งแต่มูลค่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 103 ล้านบาท) สำหรับการศึกษาความเป็นไปได้ในระยะเริ่มต้น ไปจนถึง 12.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 431 ล้านบาท) สำหรับการศึกษาการออกแบบทางวิศวกรรม ตลอดจนมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17,000 ล้านบาท) สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่พร้อมดำเนินการในขั้นตอนการจัดหา, การก่อสร้าง และการดำเนินงาน
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของ นายคริสตอฟ เกบอลด์ ผู้บริหารสูงสุดของ “ไคล์มเวิร์กส์” บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติสวิส นับตั้งแต่การมีส่วนร่วมในการยื่นคำขอศูนย์กลาง 3 แห่ง ได้แก่ รัฐลุยเซียนา, รัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐนอร์ทดาโกตา เขากล่าวว่า ศูนย์กลางทุกแห่งมีศักยภาพในการปรับขนาดการดักจับคาร์บอน ให้ตรงตามเป้าหมายของรัฐบาลสหรัฐที่ 1 ล้านตันต่อปี หรือที่เรียกว่า เมกะตัน
นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานเป็นมากกว่า 100 คนในอีก 18 เดือนข้างหน้า และภายในปี 2573 ศูนย์กลางทั้งสามแห่งจะสามารถสร้างงานโดยตรงได้ 3,500 ตำแหน่ง และงานทางอ้อมอีกหลายหมื่นตำแหน่ง หากได้รับการอนุมัติ
ทั้งนี้ กระบวนการของระบบดีเอซี ส่วนใหญ่ใช้ของเหลว หรือของแข็งที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามธรรมชาติ จากนั้นจึงให้ความร้อน หรือบำบัด เพื่อสกัดคาร์บอนและนำไปฝังไว้ใต้ดิน
อย่างไรก็ดี พลังงานในการดำเนินกระบวนการ, โรงงาน, ท่อส่ง และการจัดเก็บต่างมีราคาสูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ยังคงอยู่ในการพิจารณาของคณะลูกขุนสหรัฐ ว่ามันจะมีระดับที่ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศ โดยมีค่าใช้จ่ายที่โลกสามารถแบกรับได้หรือไม่.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : REUTERS