วันพุธที่ 26 เมษายนนี้ น่าจะเป็นเกมแห่งชีวิตของจริงแล้วสำหรับ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล มันเป็นวันที่จะพิสูจน์กันให้ชัดๆ เสียที ว่าความหวังคว้าแชมป์ของพวกเขาจะเดินหน้าต่อ หรือยุติมันลง

อาร์เซนอล แม้ยังนำอยู่ 5 แต้ม แต่เตะมากกว่า แมนฯ ซิตี 2 นัด ดังนั้นแน่นอนนี่จึงเป็นเกมสำคัญที่สุดแห่งซีซั่น ถ้าบุกไปชนะถึงเอติฮัด ช่องว่างจะถ่างออกไป 8 แต้ม และแม้เตะมากกว่า 2 นัด แต่แก๊งปืนใหญ่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที

กลับกันหากเสมอ แมนฯ ซิตี จะเป็นฝ่ายกุมชะตาในมือตัวเอง ชนะรวดก็แชมป์ โดยไม่ต้องสนใจอาร์เซนอล หรือหาก ซิตี ชนะได้ก็แทบจะสลักชื่อทีมแชมป์ลงบนถ้วยได้เลย

แล้วใครจะชนะ?

ว่ากันตามเนื้่อผ้าก็ย่อมต้องแมนฯ ซิตี พวกเขาอยู่ในฟอร์มดีมาก บางทีอาจดีที่สุดของซีซั่นก็ว่าได้ ชนะถึง 11 จาก 12 นัดหลังสุดทุกรายการ หลุดเสมอแค่เกมเยือนบาเยิร์นที่พวกเขาตุนชัยชนะนัดแรกไว้พอแล้ว เปป กวาร์ดิโอลา ยังเคยบ่นว่าทีมแรงจูงใจสู้อาร์เซนอลไม่ได้ แต่ตอนนี้คงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะพวกเขามีเป้าหมายสำคัญคือคว้าทริปเปิลแชมป์

ส่วนอาร์เซนอลดันอยู่ในช่วงแหกโค้งพอดิบพอดี พลาดเสมอ 3 นัดติดต่อกัน เสียรวม 7 ประตู และเก็บคลีนชีตไม่ได้มา 6 นัดติดต่อกัน ประสบการณ์ลุ้นแชมป์ก็เป็นรอง ฟอร์มก็แย่ แถมยังต้องไปเล่นนอกบ้านอีก ดังนั้นพวกเขาจึงถูกคาดหมายว่านัดนี้ไม่น่าจะรอด

แล้วอาร์เซนอลต้องทำยังไงเพื่อพลิกนรก?

ผมรู้สึกว่ามันมีประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากในช่วงหลัง และ อาร์เตตา เองก็น่าจะรู้เหมือนกัน

นั่นคือตั้งแต่ วิลเลียม ซาลิบา บาดเจ็บในยูโรปาลีก และต้องใช้ ร็อบ โฮลดิง มาแทนนั้น อาร์เซนอล เก็บคลีนชีตไม่ได้อีกเลย

27 เกมที่มีซาลิบา อาร์เซนอล เสียประตูเฉลี่ย 0.9 ต่อนัด แต่เมื่อไม่มีซาลิบา ค่าเฉลี่ยเพิ่มสองเท่าเป็น 1.8 ต่อนัด

เอเดรียน คลาร์ก นักวิเคราะห์แทคติคมองว่าโฮลดิงทำให้อาร์เซนอลต้องปรับแผนและกลายเป็นรวนแทบทั้งระบบ เพราะโฮลดิงไม่มีความเร็วเหมือนซาลิบา เขาไม่สามารถขึ้นไปเพรสสูง ขึ้นไปไล่บีบและวิ่งตามคู่แข่งได้ทัน ดังนั้นพอเป็นโฮลดิง เส้นแนวรับของอาร์เซนอลจึงต่ำกว่าปกติ และพอโฮลดิงขึ้นสูงมากไม่ได้ พื้นที่ตรงกลางเลยกว้างมากขึ้นสำหรับโธมัส ปาร์เตย์ งานของมิดฟิลด์กานาจึงยากขึ้นกว่าเดิม

โฮลดิ้งไม่ได้ยืนไลน์เดียวกับเพื่อน

กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ อดีตกองหน้าแอสตัน วิลลา ยังวิจารณ์ตรงไปตรงมาว่า โฮลดิง เป็นแค่กองหลังระดับลีกแชมเปียนชิพ เขาไม่ดีพอสำหรับอาร์เซนอลที่จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก เขาอาจไม่ได้ผิดพลาดตรงๆ จนเสียประตู แต่ทำให้ทีมมีปัญหา

ส่วนแฟนบอลอาร์เซนอลในโลกออนไลน์ก็เช่นกัน บางคนยังจำได้ตอนที่โฮลดิงเสียท่าให้ซน เฮือง มิน ก่อนพลาดพื้นที่แชมเปียนส์ลีกและอีกหลายครั้งที่ชี้ว่า เขายังไม่ดีพอกับทีม

อาจเป็นโชคร้ายของอาร์เซนอล เพราะที่จริงทีมมี เบน ไวท์ ที่สามารถยืนตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟฝั่งขวาได้อยู่แล้ว เพียงแต่อาร์เซนอลดันไม่เหลือแบ๊กขวาอาชีพ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ พักยาว เซดริก ซัวเรซ ก้ปล่อยยืม

ไหนจะปัญหาเรื่องแบ๊กซ้ายที่หลายฝ่ายมองว่า โอเลคซานเดอร์ ซินเชนโก กลายเป็นจุดอ่อนให้คู่แข่งโจมตี เพราะเกมรับไม่ดีเท่าเกมรุก

ดังนั้นอาร์เตตาอาจต้องพลิกตำราจัดทีมใหม่กับแมนฯ ซิตี ซึ่งมันน่าสนใจมากๆ ว่าอาร์เตตาจะทำยังไง

สถิติส่งบอลที่เป็นรองทุกอย่าง

พวกเขาจะยืนพื้นแผนเดิม ใช้แบ๊กโฟร์ต่อไปหรือไม่ ถ้าใช้แผนเดิมโฮลดิงจะลงต่อหรือไม่ หรือปรับให้ไวท์มายืนเซนเตอร์ แล้วโยก คีแรน เทียร์นีย์ มาเป็นแบ๊กขวาจำเป็น

หรือว่าจะปรับแผนเป็นเซนเตอร์ 3 คน ให้เหมือนกับ แมนฯ ซิตี ที่ช่วงหลังหันมาใช้แผน 3-4-3 แล้วปรากฎว่ามันเวิร์คมากๆ อย่างไรก็ตามถ้าปรับแผนแล้วจะทำให้นักเตะสับสนกันหรือไม่ ดูอย่างสเปอร์สพอเปลี่ยนมาเล่นแบ๊กโฟร์ปรากฎว่าโดนคู่แข่งยิงเสียแทบเมื่อยเท้า

แต่ถ้าให้ดีที่สุดก็ภาวนาว่า ซาลิบา จะหายเจ็บกลับมาลงเล่นได้พอดี

เขียนมานี้ไม่ได้ชี้ว่าโฮลดิงแกเป็นแพะ แค่มองตามความรู้สึกและความเห็นที่ตามดูและเชียร์อาร์เซนอลมาหลายปีดีดัก

ถ้าไปถามช่วงก่อนออกสตาร์ตฤดูกาล มันจะมีสักกี่คนที่มั่นใจว่าปีนี้อาร์เซนอลมีโอกาสแชมป์

ดังนั้นท้ายที่สุดไม่ว่าตอนจบเป็นแบบไหน อาร์เซนอล ก็มาได้ไกลเกินความคาดหมายอยู่แล้ว.