คนเราต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน บางคนเกิดมามีชีวิตที่แสนจะสุขสบาย อยู่บ้านหลังใหญ่โตมีพร้อมทุกอย่าง ขณะที่บางคนกลับมีชีวิตที่แสนจะยากลำบาก จะทำอะไรก็ขัดสนแร้นแค้นไปเสียทุกอย่างเช่นกัน

“น้องกุล” หรือ เด็กหญิงกุลจิรา กระแสเทพ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านหนองเหล็กราษฎร์วิทยา เป็นเด็กขยันตั้งใจเรียน มีผลการเรียนเกรด 3 กว่ามาตลอด แต่มีปัญหาครอบครัวยากจน ยิ่งช่วงโควิดที่ทางโรงเรียนเปลี่ยนมาสอนออนไลน์จึงเป็นปัญหาใหญ่

เพราะทั้งบ้านมีโทรศัพท์มือถือเก่าๆ หน้าจอแตกอยู่เพียง 1 เครื่องเท่านั้น!! เวลาครูสอนน้องกุลจึงมองเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง แถมที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ เวลาแบตเตอรี่มือถือหมดก็ต้องวิ่งไปขอชาร์จที่บ้านญาติ จึงทำให้ขาดเรียนบ่อยครั้งจนครูสงสัย? แต่เมื่อครูมาเยี่ยมบ้านก็เข้าใจสภาพความเป็นอยู่และเห็นใจจึงเอาใบงานมาให้ทำส่งครูแทน

เด็กหญิงที่เกิดมาพร้อมกับความแร้นแค้นแต่ใฝ่เรียนคนนี้ อยู่กับพ่อแม่คือ นายสาคร กระแสเทพ อายุ 50 ปี กับ นางสุกคม อีม อายุ 45 ปี และน้องอีก 2 คน อายุ 5 ขวบ กับ 3 ขวบ รวมกัน 5 ชีวิต

อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 122 บ้านดินแดง หมู่ 10 ต.เป็นสุข อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ซึ่งบ้านมีลักษณะเป็นกระท่อมยกสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร สภาพจะพังมิพังแหล่ ไม่มีไฟฟ้าใช้ หลังคามุงด้วยสังกะสีผสมใบตาล ส่วนฝาผนังบางส่วนนำใบตาลมาแปะปิดไว้ ส่วนเศษไม้ที่ปิดกันลมกันฝนบางส่วนก็ได้รับบริจาคมาจากชาวบ้าน และบ้านหลังนี้ไม่มีห้องน้ำใช้!!

เวลาจะปัสสาวะ อุจจาระ หรืออาบน้ำ ต้องไปขอใช้ห้องน้ำบ้านญาติที่อยู่ใกล้ๆ ภายในบ้านโล่งไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ แผ่นไม้พื้นบ้านก็มีรูโหว่ไม่รู้ไม้จะหักลงวันไหน เวลาฝนตกน้ำจะรั่วจากหลังคาและสาดเข้าทางฝาบ้าน แต่ละคนต้องหาที่หลบกันจนแทบไม่ได้นอน

ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่ของน้องกุลทำอาชีพรับจ้าง ทั้งคู่ขยันไม่เคยเกี่ยงงาน ใครจ้างไปทำงานก็จะแข็งขันเพื่อให้มีรายได้มาเลี้ยงลูกและใช้จ่ายในครอบครัว แต่พอช่วงโควิดก็ไม่มีใครจ้าง บางวันครอบครัวต้องอดมื้อกินมื้อ วันไหนโชคดีก็มีเพื่อนบ้านนำข้าวอาหารมาแบ่งปันให้ประทังชีวิตเพราะสงสารเด็กๆ

ส่วนพ่อแม่ของน้องกุลก็ไม่อาจจะทนเห็นลูกอดได้ จึงผลัดเปลี่ยนกันออกไปทุ่งนาหาเก็บปู ปลา กบ เขียด และผักต่างๆ มาทำอาหารกินกันในครอบครัว แค่ได้นั่งล้อมวงกินข้าวพร้อมหน้ากับลูกๆ ก็มีความสุข กบ เขียดในจานที่อยู่ตรงหน้าก็กลายเป็นอาหารเลิศรสสำหรับเด็กๆ ในแต่ละมื้อ 

“น้องกุล” เผยเรื่องราวชีวิตว่า เห็นพ่อแม่ลำบากทำงานหนักเลี้ยงหนูกับน้อง หนูจึงตั้งใจเรียนให้มาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเรียนได้ถึงแค่ไหนเพราะพ่อแม่ไม่มีเงิน ถ้ามีทางหลังจบ ม.3 ก็อยากจะเรียนสายอาชีพ เพื่อจบมาจะได้ทำงานหาเงินช่วยครอบครัว

“ส่วนความหวังในชีวิตจริงๆ อยากจะเป็นแม่พิมพ์ของชาติ เป็นครูสอนหนังสือให้ความรู้กับเด็กๆ ซึ่งโอกาสที่จะเป็นครูนั้นก็แสนจะลางเลือน”      

นายวีระศักดิ์ ตลับทอง อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านดินแดง หมู่ที่ 10 ต.เป็นสุข กล่าวว่า ครอบครัวนี้ยากจนข้นแค้น พ่อแม่เป็นคนขยันช่วยเหลือสังคมดี มีจิตอาสา ส่วนน้องกุลก็เป็นเด็กขยันเรียนดี โรงเรียนอยู่ไกลจากบ้าน 7 กม. ก็เดินไปโรงเรียนทุกวัน บางวันก็ได้ติดรถไปกับเพื่อนบ้าง พอช่วงโควิดต้องเรียนออนไลน์ บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ โทรศัพท์ก็พัง จึงอัตคัดแสนเข็ญ อยากให้มีผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวนี้  

ด้านนายสง่า มามาก นายก อบต.เป็นสุข และนางวันทนา สายลุน ปลัด อบต.เป็นสุข พร้อมคณะทำงาน ได้ลงพื้นที่บ้านน้องกุลเพื่อเยี่ยมครอบครัวและตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่เพื่อหาทางช่วยเหลือหลังทราบข่าว ก่อนจะมอบถุงยังชีพและเงินจำนวนหนึ่งให้กับน้องกุลเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น

นายก อบต.เป็นสุข กล่าวว่า ครอบครัวนี้อยู่กันอย่างยากลำบาก น้องกุลเป็นเด็กตั้งใจเรียนมีผลการเรียนที่ดีน่าจะสนับสนุน ซึ่งตนจะหาทางช่วยและหางบประมาณมาสร้างบ้านให้ใหม่เพื่อจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น   

เมื่อชีวิตเริ่มมีความหวัง “น้องกุล” สัญญาจะเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน เพื่อจะได้มีงานทำดีๆ เป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลพ่อแม่และน้อง และจะช่วยเหลือสังคมเท่าที่จะมีกำลังทำได้ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้ใจบุญทุกท่าน

ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ น้องกุล ด.ญ.กุลจิรา กระแสเทพ โทร. 06-5341-6840 และนายสง่า มามาก นายก อบต.เป็นสุข โทร. 08-7241-3166

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย

เรื่องและภาพโดย : วิจิตร ชุณหกิจขจร จ.สุรินทร์

แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]