ความรุ่งเรืองในการทำเหมืองของมองโกเลีย ผลักดันการเติบโตในระดับสองหลัก โดยกำไรมหาศาลจากผลิตถ่านหิน มีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2565 ซึ่งอุตสาหกรรมดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความต้องการพื้นที่สำนักงาน และอพาร์ตเมนต์หรูหราในกรุงอูลานบาตอร์

เมืองหลวงที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการวางแผน คือสิ่งที่นำไปสู่ปัญหาการจราจรติดขัดทุกวัน ทำให้ประชาชนต้องใช้เวลาเดินทางไป-กลับ จากที่ทำงานนานหลายชั่วโมง อีกทั้งความเฟื่องฟูนี้ กลับไม่ได้รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของพลเมือง ส่งผลให้เด็กจำนวนมาก เติบโตในสังคมที่ไม่มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจกลางแจ้ง

ห่างจากอาคารรัฐสภาเพียงไม่กี่ก้าว คือ โรงแรงแชงกรี-ลา สถานที่ซึ่งมีทิวทัศน์อันงดงาม แต่ห้องพักหลายร้อยห้องที่มีราคาสูงเกินกว่าชาวมองโกเลียทั่วไปจะเอื้อมถึง โดยมันถูกสร้างบนพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยตั้งใจให้เป็นสวนสนุกสำหรับเด็ก

South China Morning Post

นางอานู-อูจิน ลักวาสุเรน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเมือง กล่าวว่า กรุงอูลานบาตอร์ “ลอกเลียนแบบ” ผังเมืองสไตล์โซเวียต ซึ่งตั้งพื้นที่ทำงานให้ห่างไกลจากย่านที่พักอาศัย แต่กลับกลายเป็นว่า สถานที่ทำงานหลายแห่ง ตั้งอยู่รอบจตุรัสหลักของเมือง และทำให้เกิดการจราจรติดขัด

แม้การประท้วงเมื่อปี 2564 จะทำให้นายกเทศมนตรีกรุงอูลานบาตอร์ ห้ามออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารใหม่ ยกเว้นโรงเรียน จนถึงปี 2583 อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามดังกล่าว ไม่ได้ครอบคลุมถึงโครงการที่ได้รับการอนุมัติแล้ว นั่นหมายความว่า คนงานก่อสร้างยังคงทำงานกันอย่างหนัก

แม้มองโกเลียจะยังไม่ค่อยมีปัญหาที่สะท้อนความยากจน แต่ประชาชนเชื่อว่า ความเฟื่องฟูด้านการก่อสร้าง คือสัญลักษณ์ของปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตของข้าราชการ

เมื่อปีที่แล้ว ผู้บริหารสูงสุด (ซีอีโอ) ของบริษัทส่งออกถ่านหินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของรัฐ ถูกสอบสวนในข้อหายักยอกเงิน โดยหน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชั่นของมองโกเลียระบุว่า มีการยักยอกเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

นางบัตต์เซตเซก บัตมุนค์ เทศมนตรีเขตบายัน ในกรุงอูลานบาตอร์ เป็นผู้นำการประท้วงนาน 1 ปี เพื่อคัดค้านโครงการสำนักงานที่เป็นอาคารสูง จนทำให้มีการสร้างโรงเรียนอนุบาลขึ้นมาแทน

“พวกเราไม่ต้องการตึกสูงอีกแล้ว” เธอกล่าว “หากมีที่ดินที่ไม่ได้ใช้ ก็ควรนำมันมาใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชน”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP