นางลิ้ม ยู ลิน ผู้ร่วมดำเนินธุรกิจของครอบครัวที่คุณย่าก่อตั้ง เมื่อปี 2498 กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ชุดเคบายามีความพิเศษ คือ การที่ผู้หญิงทุกเชื้อชาติในภูมิภาคที่หลากหลาย ต่างสวมใส่เสื้อผ้าเหล่านี้ และ “มันไม่ได้มีไว้สำหรับวัฒนธรรมเดียวเท่านั้น” เธอกล่าวเพิ่มเติม

ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสามัคคี เมื่อ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, บรูไน และไทย ร่วมกันเสนอชื่อชุดเคบายา ให้ขึ้นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ขององค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ “ยูเนสโก” โดยคาดว่า จะมีการพิจารณาในปี 2567

เสื้อครึ่งตัวของสตรีที่ได้รับการปักเย็บอย่างประณีต และเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น มักจะเป็นเสื้อแขนยาว และมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ทรงหลวม ไปจนถึงทรงเข้ารูปแบบกึ่งโปร่งแสง อีกทั้งชุดเคบายา ยังอาจมีราคาเพียง 7 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 238 บาท) สำหรับดีไซน์ที่แบบเรียบง่ายที่ใช้เครื่องจักรเย็บ หรือราคาประมาณ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 40,740) สำหรับชุดทำมือที่มีความซับซ้อนมากกว่า

South China Morning Post

อินโดนีเซียเลือกชุดเคบายาที่มีอายุหลายร้อยปี เป็นชุดประจำชาติสำหรับผู้หญิง หลังการประกาศเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2488 ขณะที่สายการบินแห่งชาติของสิงคโปร์, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ยังใช้ชุดเคบายาเป็นแรงบันดาลใจให้กับเครื่องแบบพนักงานของพวกเขาด้วย

แม้ชุดเคบายาจะถูกสวมใส่ตามธรรมเนียมในงานมงคลสมรส และงานที่เป็นทางการ แต่ในปัจจุบัน หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประชาชนที่กลับมาสวมใส่ชุดเคบายาในชีวิตประจำวัน

ในสิงคโปร์ นางซือม่าน เนียว วัย 36 ปี กล่าวว่า เธอใส่ชุดเคบายา เพื่อร่วมงานของครอบครัว และมันเหมาะกับผู้หญิงทุกวัย ไม่ได้ถูกจำกัดไว้สำหรับคนสูงอายุเท่านั้น

ร้านเคบายาแห่งหนึ่ง ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

ส่วนในอินโดนีเซีย นางเทลลี นาธาเลีย วัย 49 ปี ระบุว่า เธอตัดสินใจเริ่มสวมใส่ชุดเคบายาทุกวัน นับตั้งแต่ช่วงที่หยุดพักผ่อนกับเพื่อน ๆ ในจังหวัดชวากลาง และในสายตาของเธอ ชุดเคบายาเป็นเหมือนช่องทางเชื่อมต่อกับประวัติศาสตร์ของประเทศ

เชื่อกันว่า ชุดเคบายามีต้นกำเนิดในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเคยเป็นเสื้อผ้าสวมใส่สำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งในปัจจุบัน มันได้รับการพัฒนาหลายสิบรูปแบบทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยส่วนใหญ่อยู่ในอินโดนีเซีย และมาเลเซีย

“มันเป็นรูปแบบหนึ่งของเสื้อผ้าสตรีแบบดั้งเดิม ที่มีการพัฒนาไปตามกาลเวลา” นายโยว เคิร์ก เซียง ผู้อำนวยการอาวุโสของคณะกรรมการมรดกแห่งชาติสิงคโปร์ (เอ็นเอชบี) หน่วยงานที่จัดงานนิทรรศการเคบายา เมื่อเดือน เม.ย. ภายหลังการเสนอชื่อต่อยูเนสโก “มันมีการหลอมรวมกันของวัฒนธรรม, อิทธิพล และชุมชนต่าง ๆ ทำให้เกิดชุดเคบายาในแบบของตัวเอง”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP