ทีมข่าว “Special Report” ติดตามความเคลื่อนไหวของ “หุ้น” ในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ “SIRI” ที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เคยนั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดในบริษัทดังกล่าว

ทั้งนี้วันที่ 10 มี.ค.66 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยแพร่รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ของบริษัท แสนสิริฯ โดยระบุว่านายเศรษฐาได้โอนหุ้น SIRI ทั้งหมดจำนวน 661,002,734 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.44% ของทุนจดทะเบียนบริษัท ให้แก่ น.ส.ชนัญดา ทวีสิน (บุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว) โดยเป็นการให้โดยเสน่หา ไม่มีค่าตอบแทน และมีการทำรายการแล้วตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.66

อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 19 ก.ค.66 ท่ามกลางข่าวทางการเมืองกรณีมีการโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกว แต่ไม่ผ่านในครั้งแรก และจะมีการโหวตในครั้งที่ 2 วันที่ 19 ก.ค.66 แต่มีโอกาสสูงที่จะไม่ผ่านอีก ขณะที่นายพิธากลับถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่กรณีการถือหุ้นไอทีวี

ส่งผลให้ชื่อนายเศรษฐามีการพูดถึงอีกครั้ง ว่าจะถูกเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯต่อจากนายพิธา ส่งผลให้หุ้น SIRI ปรับตัวขึ้นมา จากวันที่ 10 มี.ค.66 ที่ราคา 1.88 บาท/หุ้น เป็น 2.04 บาท/หุ้น เมื่อวันที่ 18 ก.ค.66 ด้วยมูลค่าการซื้อขายคึกคักกว่า 1 พันล้านบาท

ส่วนช่วงครึ่งวันเช้า (19ก.ค.) หุ้น SIRI ปิดการซื้อ-ขายที่ 2.08 บาท หรือบวกขึ้นมาอีก 0.04 บาท ด้วยจำนวนการซื้อ-ขาย 336,670,000 หุ้น มูลค่า 696.43 ล้านบาท เมื่อคิดแล้วทำให้หุ้นที่น.ส.ชนัญดารับโอนมาจากบิดาแค่ช่วงเวลา 4 เดือน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในตลาดมากกว่า 132 ล้านบาท

ทางด้านหุ้น “SC” หรือบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งคนในครอบครัว “ชินวัตร” ถือครองรวมกันมากกว่า 2,700 ล้านหุ้น มีการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักเช่นกันจากต้นสัปดาห์ที่แล้ว ราคา 4.40 บาท/หุ้น มาปิดในช่วงครึ่งวันเช้า (19ก.ค.) ที่ 4.62 บาท/หุ้น หรือมีมูลค่าในตลาดเพิ่มขึ้นมาในช่วงสัปดาห์เดียวประมาณ 600 ล้านบาท