จากเงื่อนไขข้างต้น เหงื่อ ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการลดอุณหภูมิแกนกลางของร่างกาย จะไม่ระเหยจากผิวหนังอีกต่อไป จนทำให้เป็นโรคลมแดด อวัยวะทำงานล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุด

“โลกมีอุณหภูมิเกินค่าวิกฤตินี้่ ซึ่งอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียสของ ‘อุณหภูมิกระเปาะเปียก’ เพียงสิบกว่าครั้ง โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียใต้ และอ่าวเปอร์เซีย” นายคอลิน เรย์มอนด์ ผู้นำการศึกษาวิจัย จากห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น (เจพีแอล) ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (นาซา) กล่าว

แม้ไม่มีกรณีใดที่เกิดขึ้นนาน 2 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่า มันไม่เคยมี “เหตุการณ์เสียชีวิตหมู่” ที่เชื่อมโยงกับขีดจำกัดการอยู่รอดของมนุษย์เช่นนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า ความร้อนสูงสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับระดับนั้น เนื่องจากทุกคนมีเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปตามอายุ สุขภาพ รวมถึงปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจอื่น ๆ

เรย์มอนด์ ระบุเพิ่มเติมว่า ความถี่ของเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา โดยเรียกการเพิ่มขึ้นนี้ว่าเป็น “อันตรายร้ายแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์” อีกทั้งการวิจัยของเขายังคาดการณ์ว่า อุณหภูมิกระเปาะเปียกจะสูงเกิน 35 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ทั่วโลก ในทศวรรษต่อ ๆ ไป หากโลกร้อนขึ้น 2.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ขีดจำกัดการอยู่รอดของมนุษย์ที่อุณหภูมิกระเปาะเปียก 35 องศาเซลเซียส ตามทฤษฎี แสดงถึงความร้อนแห้ง 35 องศาเซลเซียส และความชื้น 100% หรือ 46 องศาเซลเซียสที่ความชื้น 50%

เพื่อเป็นการทดสอบขีดจำกัดนี้ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต ในสหรัฐ จึงทำการวัดอุณหภูมิแกนกลางร่างกายของคนที่มีอายุน้อย และมีสุขภาพดี ภายในห้องร้อน โดยพวกเขาพบว่า ผู้เข้าร่วมการทดสอบถึง “ค่าวิกฤติสิ่งแวดล้อม” หรือเมื่อร่างกายของพวกเขาไม่สามารถหยุดอุณหภูมิแกนกลางให้สูงขึ้นได้ ที่อุณหภูมิกระเปาะเปียก 30.6 องศาเซลเซียส ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขตามทฤษฎีก่อนหน้านี้

อนึ่ง เด็กเล็กเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างมากต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้น เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ไม่สามารถปรับตัวได้เร็วเท่าการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ และไม่สามารถขจัดความร้อนส่วนเกินออกจากร่างกายได้

นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ท่ามกลางอากาศร้อนจัด ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่ผู้สูงอายุ ซึ่งมีต่อมเหงื่อน้อยกว่าคนในช่วงอายุอื่น ถือเป็นกลุ่มที่เปราะบางมากที่สุด โดยเกือบ 90% ของการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความร้อนในยุโรป เมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว อยู่ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี

ยิ่งไปกว่านั้น งานวิจัยของเรย์มอนด์แสดงให้เห็นว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้อุณหภูมิกระเปาะเปียกสูงขึ้นในอดีต และคาดว่าจะรุนแรงที่สุดในช่วงสิ้นปีนี้ อีกทั้งอุณหภูมิกระเปาะเปียกยังมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับอุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรด้วย.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP