แต่รัฐบาลวอชิงตันต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ และทุ่มเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศให้ทันสมัย

รายงานของสำนักงานประสิทธิภาพพลังงานและพลังงานหมุนเวียน (Office ofEnergy Efficiency and Renewable Energy) ในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐ ระบุว่า จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณพลังงานแสงอาทิตย์รายปี เป็น4 เท่า และเพิ่มอย่างต่อเนื่องทุกปี ในการปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานแสงแดดเป็นส่วนใหญ่ ในโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ เพื่อแก้ไขภัยคุกคามที่เผชิญอยู่ ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ภาวะโลกร้อนขึ้น

เบคกา โจนส์-อัลเบอร์ตัส ผู้อำนวยการสำนักงานเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ กระทรวงพลังงานสหรัฐ บอกว่า รายงานซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ไม่ตั้งใจให้เป็นแถลงการณ์นโยบายหรือเป้าหมายของรัฐบาล แต่มันถูกออกแบบเพื่อใช้เป็นแนวทาง และสร้างแรงบันดาลใจสำหรับนวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ ในทศวรรษหน้า ด้วยการตอบคำถามอย่างเช่น ต้องรีบเร่งแค่ไหนในการเพิ่มปริมาณพลังงานแสงอาทิตย์สู่ระดับเป้าหมาย และต้องเพิ่มสู่ระดับเท่าใด เป็นต้น

U.S. Department of Energy

เจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐ กล่าวในแถลงการณ์ว่า รายงานผลการศึกษาอธิบายให้เห็นข้อเท็จจริง ว่าแสดงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสะอาดราคาถูกที่สุด และเติบโตรวดเร็วที่สุดของสหรัฐ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้ามากเพียงพอให้พลังงานแก่บ้านเรือนทุกหลังในประเทศ ภายในปี 2578 และอาจจะจ้างงานได้ถึง 1.5 ล้านคนเมื่อถึงจุดนั้น

รายงานถูกนำออกเผยแพร่ ในขณะที่ประธานาธิบดีโจไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศให้ปัญหาภาวะโลกร้อนเป็นวิกฤติของทุกคน (everybody”scrisis) ระหว่างเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยจากเฮอริเคนไอดา ในรัฐนิวยอร์กและรัฐนิวเจอร์ซี โดยไบเดนได้กล่าวเตือนว่า ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะต้องจริงจัง เกี่ยวกับอันตรายระดับ “รหัสสีแดง” จากผลกระทบของภาวะโลกร้อน

หากทุกฝ่ายที่เกียวข้องไม่ร่วมมือกัน แก้ไขรับมืออย่างถูกวิธีและทันเวลา อเมริกาจะเผชิญกับความสูญเสียมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และปัญหานี้ยังไม่มีใครสามารถแก้ไขให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ ป้องกันไม่ให้เลวร้ายลงกว่าเดิม

ภัยพิบัติทางธรรมชาติจากเฮอริเคนไอดา เปิดช่องให้ไบเดนผลักดันสภาคองเกรสให้อนุมัติแผนใช้จ่าย 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคทั่วประเทศ รวมถึงโครงข่ายไฟฟ้า ระบบน้ำ และน้ำเสีย เพื่อป้องกันผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนสุดขั้วได้ดีกว่าเดิม

ตอนนี้ ร่างกฎหมายรายจ่ายสาธารณูปโภค ผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาแล้ว ยังเหลือการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร

สหรัฐติดตั้งแผงโซลาร์ผลิตกระแสไฟฟ้ามากเป็นสถิติถึง 15 กิกะวัตต์ ในปี 2563 และตอนนี้พลังแสงอาทิตย์มีสัดส่วนเพียงแค่ 3% เศษ ๆ ของกระแสไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ในประเทศ

รายงานผลการศึกษาอนาคตของพลังงานแสงอาทิตย์ (SolarFutures Study) โดยศูนย์วิจัยพลังงานหมุนเวียนแห่งชาติ กระทรวงพลังงานสหรัฐ แสดงให้เห็นว่า ภายในปี 2578 สหรัฐต้องเพิ่มปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็น 1,000 กิกะวัตต์ เพื่อให้โครข่ายไฟฟ้าของประเทศใช้พลังงานหมุนเวียนมากกว่าจากแหล่งอื่น

และเพิ่มอีกเป็น 1,600 กิกะวัตต์ภายในปี 2593 โดยเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่ 3,000 กิกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้โครงข่ายไฟฟ้าของสหรัฐอเมริกาปลอดคาร์บอนโดยสิ้นเชิง

การที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว สหรัฐต้องติดตั้งแผงโซลาร์ให้ได้โดยเฉลี่ย 30 กิกะวัตต์ต่อปี จากปีนี้ไปจนถึงปี 2568 และ 60กิกะวัตต์ต่อปี ตั้งแต่ปี 2568 จนถึงปี2573.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES