การเป็นคู่สมรสหรือคู่รักซึ่งปราศจากเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องแปลกอย่างที่คิด ท่านจะพบอัตราความชุกที่แตกต่างกันในการแต่งงานที่ไม่มีเพศสัมพันธ์โดยอิงจากข้อมูลที่นำมาจากการสำรวจวิจัยที่เคยมีมาก่อน เช่น การศึกษาในปี พ.ศ. 2536  ที่พบว่า 16 % ของบุคคลที่แต่งงานแล้วในสหรัฐอเมริการายงานว่าไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ในเดือนก่อนการตอบคำถามการสำรวจ

ผลการศึกษาล่าสุดในปี พ.ศ. 2560 แหล่งที่เชื่อถือได้ พบว่าในหมู่คนอายุ 18-89 ปีในสหรัฐอเมริกา 15.2% ของผู้ชายและ 26.7% ของเพศหญิง รายงานว่าไม่มีเพศสัมพันธ์ในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ 8.7% ของผู้ชายและ 17.5% ของเพศหญิงรายงานว่า ไม่มีเพศสัมพันธ์เป็นเวลาห้าปีขึ้นไป

ผู้ที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ในปีที่ผ่านมา อ้างเหตุผลในการไม่มีเพศสัมพันธ์คือ มีอายุมากแล้วและไม่ได้แต่งงาน นักวิจัยการศึกษานี้กล่าวว่า สถิติคาดว่าจะสูงขึ้นมากเมื่อท่านพิจารณาถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ได้แต่งงานและระบุความสัมพันธ์อื่น ๆ ในความเป็นจริงแล้ว การที่คู่สมรสปราศจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมดามากกว่าที่ผู้คนรู้ ควรหลีกเลี่ยงวลี เช่น “ห้องนอนที่ตายแล้ว” หรือ “เตียงแห่งความตาย” หากพูดคุยกับเพื่อนหรือนักบำบัดโรคของท่าน อารมณ์คำพูดเหล่านั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและอาจส่งผลต่อวิธีการพูดคุยกับคู่ของท่านเมื่อท่านกลับถึงบ้าน

นอกจากการวิจัยในหัวข้อที่เปราะบางและล้าสมัยแล้ว นักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตว่า การศึกษาส่วนใหญ่ที่มีอยู่มุ่งเน้นไปที่คู่สมรสต่างเพศที่มีคู่สมรสคนเดียว  และไม่ได้เป็นตัวแทนของการเป็นคู่รักทางเพศและเพศที่หลากหลาย

เพศสัมพันธ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแต่งงานที่มีสุขภาพดีโดยไม่ต้องหย่าร้างหรือไม่? เมื่อท่านดูสถิติการหย่าร้าง การศึกษาในปี พ.ศ. 2555 พบว่าสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการห่างกัน (55%) ปัญหาด้านการสื่อสาร (53%) และการเงิน (40%) การนอกใจหรือเรื่องต่าง ๆ ก็เป็นสาเหตุที่พบบ่อยเช่นกัน

การวิจัยไม่ได้เชื่อมโยงไปที่การแต่งงานที่ไม่มีเพศสัมพันธ์โดยตรงกับการหย่าร้าง แต่อาจเป็นปัจจัยหนึ่ง ปัญหาของการหย่าร้างไม่เคยเป็นเพียงปัจจัยเดียว สำหรับคู่นอนบางคน ความใกล้ชิดทางเพศเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับอีกฝ่าย และเป็นช่องทางสำหรับการแสดงออกทางกายของความรัก หากความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ลดลงจนถึงจุดที่ท่านมีความคิดเรื่องการหย่าร้างอยู่ในใจ ให้ย้อนกลับไปพิจารณาว่าท่านยังรู้สึกสบายใจ เชื่อใจ และรักคนรักหรือไม่ บ่อยครั้ง การไม่มีเพศสัมพันธ์หรือมีเพศสัมพันธ์น้อยลง เป็นอาการของบางสิ่งที่
ใหญ่กว่า.

————————————–
ศ.น.ท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล