นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบาเนซี ผู้นำออสเตรเลีย เข้าใจผิดเกี่ยวกับอารมณ์ของประชาชน หลังแสดงความรับผิดชอบต่อผลการลงประชามติ ซึ่งจากรัฐและดินแดนทั้งหมด 8 แห่งของประเทศ มีเพียงพื้นที่เมืองหลวงเท่านั้นที่โหวต “เห็นชอบ” ส่วนชาวออสเตรเลียมากกว่า 60% “ไม่เห็นชอบ” กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อรับรองชาวอะบอริจินและประชาชนตามกลุ่มเกาะ บริเวณช่องแคบทอร์เรส ผ่านการจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาเกี่ยวกับชนพื้นเมือง ที่เรียกว่า “วอยซ์”

ABC News In-depth

แม้อัลบาเนซีกล่าวว่า เขาเคารพการตัดสินใจดังกล่าว และรัฐบาลจะพยายาม “หาหนทางใหม่” ในการก้าวไปข้างหน้า แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ฝ่ายค้านสายอนุรักษนิยม ได้รับแรงหนุนจากความสำเร็จในการคัดค้านการลงประชามติครั้งสำคัญนี้

ABC News (Australia)

“สำหรับอัลบาเนซี ความพ่ายแพ้ในการลงประชามติจะเป็นทั้งเรื่องส่วนตัว และผลกระทบทางการเมือง เพราะเขามีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการสร้างความเท่าเทียมให้แก่ชนพื้นเมือง” นางคริส วอลเลซ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และภาวะผู้นำทางการเมือง จากมหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้อัลบาเนซีถูกคาดหวังให้หันไปจัดการปัญหาค่าครองชีพแทน ส่งผลให้การชนะการลงประชามติเป็นเรื่องที่ยากขึ้น

ด้านนายปีเตอร์ ดัตตัน ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ระบุว่า ออสเตรเลียปฏิเสธการลงประชามติของนายกรัฐมนตรี และพรรคเสรีนิยมของเขา จะกำหนดนโยบายต่าง ๆ สำหรับการเลือกตั้งระดับชาติครั้งหน้า ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2568

นางบริดเจต แมคเคนซี สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคแห่งชาติออสเตรเลีย วิพากษ์วิจารณ์ผู้ลงคะแนนเสียง “เห็นชอบ” ว่าเป็น ชาวออสเตรเลียที่มีการศึกษาสูง และมีสิทธิพิเศษมากมาย ในย่านชานเมืองที่ร่ำรวย

นายแอนโธนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย

อย่างไรก็ตาม นายไซมอน แบงก์ส กรรมการผู้จัดการของบริษัท ฮอว์เกอร์ บริตตัน ซึ่งเป็นบริษัทสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาล ระบุว่า ไม่มีการเรียกร้องให้อัลบาเนซีลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด และในขณะเดียวกัน ดัตตันกลับกลายเป็น “ปัญหาใหญ่ที่สุดในการเมืองของออสเตรเลีย” แทน

“ดัตตันทำให้การชิงที่นั่งในรัฐสภาคืนมาของพรรคเสรีนิยม เป็นเรื่องยากขึ้นอย่างมาก ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นระดับชาติ แสดงให้เห็นเห็นว่า พรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของออสเตรเลีย ไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบต่อการเลือกตั้งอย่างมีนัยสำคัญ” แบงก์ส กล่าวเพิ่มเติม

ยิ่งไปกว่านั้น ผลการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ โดยบริษัท นิวส์โพล ปรากฏว่า พรรคแรงงานยังมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น 2 คะแนน จากผลการเลือกตั้งในปี 2565 และคะแนนนิยมของอัลบาเนซี ก็ลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยสัดส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 50% ยังคงต้องการให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อเทียบกับดัตตัน ที่มีคะแนนนิยมแค่ 30%

“การหาเสียงแบบมุ่งโจมตีฝ่ายตรงข้าม ของพรรคเสรีนิยมนั้น ดำเนินการได้ง่าย แต่หากต้องการชนะการเลือกตั้งครั้งถัดไป พรรคจะต้องหาผู้นำที่เป็นที่ชื่นชอบมาแทนดัตตัน” วอลเลซ กล่าวทิ้งท้าย.

เลนซ์ซูม