ผู้สันทัดกรณีหลายคนกล่าวว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นในขณะที่กลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์โจมตีอิสราเอล และเกิดการตอบโต้กันไปมาจนกลายเป็นสงครามรุนแรงที่ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ชัดเจน ซึ่งสมาชิกอาเซียนต่างออกแถลงการณ์แยกของตัวเอง เกี่ยวกับวิกฤติดังกล่าว
“ฉันคิดว่ามันแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่แตกต่างในกลุ่มประเทศสมาชิกของอาเซียน ซึ่งการเชื่อมโยงกันนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก และฉันคิดว่า มันคงเป็นเรื่องยาก ที่จะสร้างจุดยืนหรือมุมมองร่วมกัน เมื่อพิจารณาถึงนโยบายต่างประเทศ และนโยบายด้านความมั่นคงที่หลากหลายมาก ในกลุ่มประเทศอาเซียน” น.ส.โจแอนน์ หลิน หัวหน้านักวิจัย และผู้ประสานงานร่วมจาก ศูนย์ศึกษาอาเซียน ของสถาบันไอเอสอีเอเอส-ยูซอฟ อิชัค (ISEAS–Yusof Ishak Institute) กล่าว
เมื่อพูดถึงปาเลสไตน์ สมาชิกอาเซียนมีจุดยืนที่แตกต่างกัน ซึ่งสำหรับประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน พวกเขาไม่ยอมรับและไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลอิสราเอลด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากชี้ว่า การขาดความเป็นเอกภาพ ต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสเช่นนี้ อาจลดบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก
“อาเซียนไม่สามารถมีบทบาทหลักได้ หากไม่สามารถรักษาความสามัคคีและความน่าเชื่อถือ และนั่นคือความท้าทายภายในแบบเผชิญหน้ากัน ดังเช่นความท้าทายในประเด็นเกี่ยวกับเมียนมา และจุดที่อาจเกิดความรุนแรงในภูมิภาค อาทิ ทะเลจีนใต้” หลิน กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ อาเซียนและกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (จีซีซี) ซึ่งประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย, คูเวต, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี), กาตาร์, บาห์เรน และโอมาน สถาปนาความสัมพันธ์เมื่อปี 2533
นักวิเคราะห์กล่าวว่า บรรดาผู้นำอาเซียนเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับผู้นำกลุ่มประเทศอ่าวเป็นครั้งแรก แต่การประชุมดังกล่าวถูกบดบังด้วยสงครามอิสราเอล-ฮามาส แม้ผู้นำหลายคนหารือถึงวิธีการส่งเสริมสันติภาพ แต่ความพยายามยังไม่น่าเกิดผล
อนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า สงครามอิสราเอล-ฮามาส มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงพลวัตของภูมิรัฐศาสตร์ได้ เนื่องจากมีการตั้งคำถามถึงสองมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐ และจีน โดยสหรัฐถูกมองว่า สงครามนี้อาจทำให้รัฐบาลวอชิงตันหันเหความสนใจ ออกจากสงครามยูเครน-รัสเซีย รวมถึงการขยับความมุ่งมั่นออกห่างจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่ จีนถูกมองว่ากำลังวางตัวเองในฐานะ “ฝ่ายที่เป็นกลาง” ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ได้รับการคำนวณแล้วว่า สามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้
นอกจากนั้น สงครามอิสราเอล-ฮามาส ยังส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง ผู้สังเกตการณ์หลายคนกล่าวว่า มันมีความกลัวอย่างมาก ที่ความรุนแรงครั้งนี้อาจกระจายไปทั่วภูมิภาค
“เนื่องจากความขัดแย้งในฉนวนกาซา ไม่ว่าจะรวมถึงการมีส่วนร่วมข องกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนหรือไม่ก็ตาม ความจริงที่ว่ากองทัพเรือสหรัฐปรากฏอยู่บนชายฝั่ง และนอกชายฝั่งของอิสราเอล ตลอดจนท่าทีของอิหร่าน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เกิดส่วนผสมของความไม่แน่นอน และมันจะเปลี่ยนแปลงตะวันออกกลางได้อย่างแน่นอน” ดร.ฌอง-ลูป ซามาน ผู้ช่วยวิจัยอาวุโสจากสถาบันตะวันออกกลาง ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวทิ้งท้าย.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP