อีกนึงผลงานจาก Insomniac Game ภาคต่อจาก Marvel Spider Man เเละ Marvel Spider Mile Morales ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากทั้งแฟนเกมและเหล่านักวิจารณ์ การันตีได้การจากวางขายเพียง 24 ชั่วโมง ยอดขายก็ทะลุไปมากกว่า 2.5 ล้านชุดไปเป็นที่เรียบร้อย เเต่มันจะเเค่กระเเสของคนรัก “ไอ้เเมงมุม” หรือมันดีจริงๆเหมือนภาคที่เเล้ว มาดูกันได้ใน Marvel Spider Man 2 Review

STORY

เรียกได้ว่ามาต่อเนื่องจากฉากจบของภาคที่เเล้วกันเลย ณ ตอนนี้ New York City มีสไปเดอร์เเมน ปกป้องถึง 2 คนทั้ง Peter Parker เเละ Miles Morales ซึ่งก็อย่างที่เรารู้กันว่าชีวิตสไปเดอร์เเมนนั้นมันยากขนาดไหน เเต่ชีวิตประจำวันวันก็กลับยากขึ้นไปอีกเพราะ จู่อดีตวายร้ายคู่ซัดคู่เหวี่ยงกับ Spider Man อย่าง SandMan จู่ๆก็อาละวาดออกมากลางเมืองโดยมีจุดประสงค์เเอบเเฝงบางอย่างถึงภัยใหม่ที่กำลังจะมาถึงประชาชนชาว New York โดยเฉพาะเหล่าอดีตวายร้ายที่คราวนี้ถึงคราวซวยของพวกเขาเเล้ว

สำหรับ Marvel Spider Man 2 ถือว่าวางโครงเรื่องมาได้ดีมากโดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง Harry เเละ Peter ที่ทางทีมงานค่อนข้างที่จะขยี้เรื่องนี้เอามากๆยิ่งช่วงหลังยิ่งขยี้ นอกจากนี้ยังทางทีมงานยังมีการ Character Development ของตัวละครหลักทั้ง Peter , Miles , Harry เเละตัวอื่นได้ดีมาก เเถมในเรื่องของการ Balance บทของ Peter Parker เเละ Miles Morales ก็ถือว่าทำได้ดี เราได้เห็นชีวิตเบื้องหลังของ 2 SpiderMan ในการต่อสู้เราก็ไม่จะได้ยินการสนทนาเเบบยียยวนตามสไตล์ SpiderMan ตามต้นฉบับเป๊ะๆ ด้วย เเต่ถ้าใครอยากรู้ว่าจริงๆเป็นยังไงคงต้องลองไปเล่นดูในเกมเองเพราะ ตัวเกมนั้นเป็นเนื้อเรื่องเเบบใหม่ต่อจากภาคเเรกเเละภาค Miles Morales ต่อเเบบทันทีทันใด เพราะถ้าจะให้พูดมันก็คงจะสปอย

ในส่วนของการลำดับเนื้อเรื่องก็ถือว่าลำดับได้ดี ไม่มันช้า ไม่ยึดเรื่องมากเกินไป ไม่รวบรัดมากเกินไป เเถมยังมี Fan-Service ให้เเฟนสไปเดอร์เเมน เเละ เเฟนๆหนังมาร์เวลได้ว้าวหรือหายคิดถึง เเละสำหรับใครที่เป็นเเฟนๆ Villans เกมนี้เหมาะกับคุณมากเพราะมันเหมือนกับงานรวมญาติ เเต่ถ้าว่าใครจะมาในบทเเบบไหน คงต้องไปดูกันเอาเอง

GAME DESIGN

เรียกได้ว่ายกระบบจากภาคเเรกเเล้วนำมาอัปเกรดได้ดีมากๆ ตัวเกมยังคงเป็นเกม Open World เเต่ใหญ่กว่าเดิม โดยการย่าน Queen และ Brooklyn เข้ามาด้วยทำให้เราสามารถสำรวจได้มากขึ้น เเต่ตัวเกมก็จำกัดว่าเราจำเป็นต้องเคลียร์ Side Quest ก่อนถึงจะปลดล๊อค Option ต่างๆ เช่น การ Fast Travel ภารกิจ เนื้อเรื่องเสริม ซึ่งผลพลอยได้ก็คือ XP,Parts,Skill Points ให้เราไปอัปเกรดตัวละครได้อีกด้วย เเถมเราจะได้ดื่มด่ำกับเมือง New York ที่ได้รับการอัปเกรดจากภาคที่เเล้วด้วย

ส่วนสิ่งที่ดีที่สุดในภาคที่เเล้วอย่างฉาก Action ในภาคนี้นั้นจัดเต็มตั้งเเต่เปิดเกมมาเลยเเบบตอนเเล่นครั้งเเรกก็เอาเลยหรอ เเละยิ่งฉากต่อไปเรายังสัมผัสได้ถึงความมันส์ รวมถึงความวายปวงของเมืองจริงๆ เเละยิ่งเป็นสไปเดอร์เเมนที่ Movement พริ้วไหวเเล้วด้วยยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุกยิ่งขึ้นไปอีก

สำหรับตัวร้าย (ที่รู้สึกเหมือนจะเป็น) ตัวหลักอย่าง Kraven The Hunt ที่ตอนเเรกดูเหมือนจะเป็นตัวหลักสุดโหดเเต่สุดท้ายเป็นเอ้า “พี่มาเเค่นี้เนี่ยนะ” กลายเป็นว่าตัวร้ายตัวอื่นยังเด่นซะกว่าโดยเฉพาะคู่รักคู่เเค้น Symbiote และ Venom คือ “เอาพี่ Venom มาฮา เเต่เอาพี่ Kraven มาฆ่า” อะไรประมาณนี้

นอกจากนี้การที่เกม Design มาให้เราเล่นทั้ง Peter เเละ Miles ก็ทำให้เราไม่จำเจเเละรู้สึกเบื่อจำเจเพราะทั้ง 2 คนมีสไตล์การต่อสู้รวมถึงวิถีการดำเนินชีวิตที่ต่างกันทำให้ภารกิจนั้นต่างกันด้วย ทั้ง2คนเป็นตัวเเทนของคน 2 วัย เราจะได้รับเห็นชีวิตปัจจุบันของเราผ่าน Peter เเละ เราจะรู้สึกกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งผ่าน Miles

เมื่อพูดถึงข้อดีเเล้ว คงไม่พูดถึงข้อเสียคงไม่ได้ ซึ่งข้อเสียนั้นก็ปกติมากของเกมประเภทนี้ทั่วไปนั่นก็คือ มันจะว้าวแค่การเล่นรอบแรกเพราะถ้าเรามาเล่นซ้ำ ฉาก เหตุการณ์ คำพูด มันก็จะเหมือนเดิมเกือบหมด เพราะเกมมันเป็นเนื้อเรื่องเส้นตรง แต่ถึงมันจะว้าวแค่รอบแรก แต่ถ้าเราเล่นซ้ำก็ยังคงสนุกอยู่ดี (ถ้าเล่นเเบบปล่อยสมองอะนะ)

GAMEPLAY

ใครติดใจเกมภาคที่แล้ว ยินดีด้วยเพราะภาคนี้คุณจะได้บู๊กันแบบจัดหนัก จัดเต็ม กดคอมโบเอากันจนเมื่อยมือไปข้าง เเถมทวีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น ด้วยความเป็นสไปเดอร์เเมน อย่างที่บอกคือเน้นความพริ้วไหวใครไม่ชินอาจจะเหนื่อยจนอยากจะพักเลยก็ได้ นอกจากนี้ในตัวเกมภาคนี้ยังมีระบบ “Parry” เเละ “Focus Points” ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ที่จะให้เราเลือกว่าเราจะเอาไปใช้ Finishing Move หรือ Heal เเทนซึ่งถ้าใครเก่งๆ เราอาจจะได้กด Finish รัวๆเลยก็ได้ เเต่มันก็ไม่ได้ง่ายเพราะเกมนี้ Parry ให้ติดค่อนข้างจะยาก มันต้องเป๊ะจริงเเละโดนเเต่ละทีก็ค่อนข้างจะเจ็บพอสมควร เเถมเกมนี้เวลาเราเจอศัตรู เราจะเจอหลายแบบพร้อมกัน ทั้งตีใกล้ ตีไกล บินบนฟ้า หรืออยู่บนดิน และศัตรูพวกนี้มันจะชอบโจมตีเราในระยะเวลาที่กระชั้นชิดมาก ๆ ดังนั้นไทม์มิ่งเราจึงต้องเป๊ะ และต้องไม่ลืมว่าตัวละครของเราสามารถทำอะไรได้บ้าง เเม้จะมี “Spider Sense” ค่อยช่วย Slow ให้เราในบางจังหวะ เเต่เชื่อเถอะบางทีมันไม่ทันเหมือนกัน เเนะนำให้ฝึกให้ชินดีกว่า

อีกระบบที่เพิ่มมาคือการใช้ “Wing Suit” ในการ Gliding เเละ “ระบบช่องลมหนุน” ที่ทำให้ผู้เล่นมามาเข้าถึงพื้นที่ที่ภาคหนึ่งอาจจะเขาถึงได้ยาก การข้ามน้ำข้ามทะเลจะไม่ยากอีกต่อ ซึ่งมันทำให้เกมจบได้เร็วมากเเถมเรายังได้ Minigame เอาจริงๆคือถ้าไม่ขี้เกียจเราเเทบไม่ต้องใช้ Fast Travel เลยด้วยซ้ำ

มาพูดถึงเรื่องระบบ Skill กันบ้างดีกว่า ในเกมนี้เนื่องจากว่าเราสามารถสลับตัวละครไปมาระหว่างสองตัวได้ แต่ Level และ Skill นั้นจะรวมกันกันทั้งหมดเลย จะมาเเบ่ง Skil Tree เเทน โดย Skill Tree จะถูกแบ่งเป็น 3 สาย เป็นสายปีเตอร์ ,ไมลส์ และของส่วนรวม เเต่ตัวเกมจะไม่ให้เรานั้นอัปมั่วอัปซั่วนะครับ เพราะเราจะต้องสลับกันเล่นทั้ง Miles ทั้ง Peter เราต้องคิดให้ดีๆว่าช่วงไหนเราควรอัปตัวละครไหน

สำหรับ Costume นั้นภาคนี้จะไม่มีระบบ Status เเละเพราะ สิ่งที่เข้ามาเเทนนั่นคือคือ “เทคโนโลยีของชุด” เเน่นอนว่า Iron Spider แล้วจะตายยากขึ้น นั้นไม่มีอีกเเล้ว ซึ่งเราจะสามารถอัปเกรดได้ค่าพลังโจมตี ป้องกัน Focus Points เเละนั่นหมายความว่าเราต้องไปฟาร์มเอา เเต่ไม่ได้ฟาร์มเเบบเอาเป็นเอาตายหรอก (เว้นเเต่ว่าคุณอยากจะ OP อะนะ)

ส่วนที่ดีที่สุดคงนี้ไม่พ้น Boss Fight ที่ตัวเกมออกเเบบมาได้อลังการเเละสนุกมากมาก เรียกได้ว่าตั้งเเต่เปิดเกมมากก็โคตรจะสุดยอดเเถมยัง Creative สุดๆ เพราะเขาต้องออกเเบบให้เข้ากันกับบอสตัวนั้นๆด้วย เรื่อง Quick Time Event ในภาคนี้เขาก็ใส่มาได้พอเหมาะ เเถมยังตรงจังหวะกับตอนที่มันต้องลุ้นพอดีด้วย เเต่ต้องเตือนเลยนะว่า Boss Fight ถ้าเราเล่นในระดับกลางๆค่อนข้างตึงมือพอสมควรเตรียมตัวให้ดีก่อนจะเข้า Boss Fight นะครับ

PERFORMANCE

ถ้าภาคที่เเล้วได้รับการยกย่องว่าสุดยอดเเล้ว ในภาคนี้ยิ่งอัพเกรดให้ดีขึ้น ในเรื่องของเเสงเเละเงา เเละความคมชัด ตัวเกมมี 2 โหมดด้วยกัน ได้เเก่ โหมด Quality และ Performance ให้เลือก โดยในโหมด Quality นั้นตัวเกมจะรันที่ความละเอียด 2160p ต่ำสุดที่ 1440p 30FPS แต่สามารถดันได้สุดที่ 40FPS ถ้าเปิด 120Hz ส่วนในโหมด Performance นั้นตัวเกมจะรันที่ความละเอียด 1440p ต่ำสุดที่ 1008p (1008p ไม่ใช่ 1080p) 60FPS และเมื่อเปิด VRR จะดันได้สุดที่ 80FPS โดยทั้งสองโหมดนั้นจะมาพร้อมกับ Ray Tracing ทั้งคู่ เเต่มีข้อสังเกตว่าถ้าเปิด Quality 30 เฟรมบางทีจะมีการกระตุกเล็กน้อยไม่รู้ว่าตอนนั้นเรื่องของผมร้อนหรือเปล่า เลยทำให้กระตุกต้องรอดูอีกที เเต่เรื่องงานภาพต้องบอกเลยว่าสุดมากๆ

ส่วนในเรื่องอื่นๆนั้นก็ดีมากเช่นเราสามารถปรับระดับความยากได้เเบบละเอียดสุดๆ เช่นอยากให้ปริศนามันง่ายไหม อยากให้ยืดระยะเวลา Parry หรือเปล่า เติมเลือดอัตโนมัติหรือไม่ ปรับได้หมด ทำให้การเล่นนั้นไม่ยากเกินไป คอเเคชชวลสามารถสนุกในความยากระดับสูงได้มากยิ่งขึ้น เเละอีก 1 สิ่งที่ชอบนั่นคือเวลาโหลดตอน Fast Travel ที่เขาโม้ไว้นี่เขาทำได้จริงๆ

ส่วนในเรื่องบั๊กนั้นก็มีบ้างปะปลาย เช่น บั๊กชุดที่มีผ้าคลุมที่จู่ๆก็ผ้าคลุมทะลุตัวละคร นิ้วมือทะลุออปเจคเวลาหยิบของ ฯลฯ เล็กๆน้อยๆเเต่ไม่ส่งผลต่อเกมเพลย์เลย เรียกได้ว่าเป็นบั๊กมีมๆเอาขำๆก็ได้

Marvel Spider Man 2 ถือว่าเป็นเกมที่เเม้ว่าจะไม่ได้อยู่นอกสายตา เเละเหมือนจะเป็นเกมเฉพาะกลุ่ม เเต่ก็ไม่ได้มีการโปรโมทเหมือนกับเกมฟอร์มยักษ์ในปีนี้เเต่กลับให้ความสนุกเเละความมันในเเบบฉบับซุปเปอร์ฮีโร่ในดวงใจของเด็กๆ อย่าง SpiderMan รวมถึงผู้ใหญ่หลายๆคนได้อย่างไหลลื่น ครบถ้วน เเละดีเยี่ยม เอาเป็นว่าในปีนี้ถ้าจะยกให้เกมไหนเป็น Game Of The Year สักเกม ผมขอยกให้ Marvel Spider Man 2 เเล้วกันครับ

——————————————–——————————————–
Marvel Spider Man 2 BY INSIDE THE GAME
คอลัมน์โดย Wacther
ติดตามรีวิวเกม และ อื่นๆที่น่าสนใจได้ที่ : INSIDE THE GAME