เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์หลังเกม คาราบาว คัพ นัดโดน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด บุกสอนบอลถึงรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 3-0 ในทำนองจะยังไม่ยอมถอดใจกับภารกิจในการพา อสูรแดง หวนคืนสู่ความยิ่งใหญ่ง่าย ๆ ว่า “ผมเป็นนักสู้ ผมมั่นใจว่า ผมทำงานนี้ได้”

แหม่ ในฐานะแฟนบอลผีแดงท่านหนึ่ง ได้ยินแล้วผมนี่้รู้สึกฮึกเหิมบรรลัยเลยนะครับ แต่อยากจะถาม เทน ฮาก กลับสักคำว่า คุณพี่สู้แล้ว ลูกทีมมันสู้ด้วยไหม?

ความปราชัย 0-3 ต่อ นิวคาสเซิล ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้ภูมิปัญญาของ เทน ฮาก สร้างสถิติอันน่าสลดหดหู่ใจโดยแพ้ด้วยสกอร์ 0-3 คาบ้านติดต่อกัน 2 นัดซ้อนเป็นหนแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 1962 หรือ เป็นครั้งแรกในรอบ 61 ปีเลยทีเดียว หลังเพิ่งโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี บุกมากระซวกถึง “โรงละครแห่งความฝัน” ด้วยสกอร์เดียวกันไปเมื่อวันอาทิตย์

เทน ฮาก ถลุงเงินเสริมทัพไปแล้ว 350 ล้านปอนด์ แต่กลับพาทีมทำผลงานได้น่าบัดซบตบชัก โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่แพ้ในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 5 จาก 10 นัด ยุติเส้นทางป้องกันแชมป์ คาราบาว คัพ แค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

ขณะที่ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก อาการก็เข้าขั้นโคม่า แพ้ไป 2 จาก 3 นัดแรก ส่อแววจะไปไม่พ้นรอบแบ่งกลุ่มอีกเช่นกัน

ไอ้ผมเองก็อยากจะสวมบทแฟนบอลโลกสวย และยืนกรานว่า ต้องให้โอกาส เทน ฮาก ต่อไป หรือ ปลด เทน ฮาก ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะปัญหาของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันหยั่งรากลึกจนต้องแก้ไขกันตั้งแต่ระดับบริหาร หรือ ตั้งแต่ตัวเจ้าของสโมสรนั่นเลย

แต่เมื่อมองจากวิธีการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด วิธีการจัดตัวผู้เล่น การแก้เกม และการวางแท็กติก หรือ การแก้เกม การเปลี่ยนตัวของ กุนซือชาวดัตช์ แล้ว เรียนตามตรงว่า หมอนี่ไม่เหลือเครดิตใด ๆ อีกแล้วในสายตาของผม

แถมดีไม่ดีอาจจะไม่เหลือเครดิตใด ๆ ในสายตาลูกทีมแล้วเหมือนที่ พอล เมอร์สัน กูรูลูกหนังของ สกาย สปอร์ตส์ ว่าเอาไว้ก็เป็นได้

เทน ฮาก ถูกดึงเข้ามาท่ามกลางความหวังที่ว่า เจ้าตัวจะสามารถเสก แมนฯ ยูไนเต็ด ให้เล่นเกมรุกได้สวยงามเร้าใจเหมือนกับ อาแจ็กซ์ ชุดผ่านเข้ารอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2019

ทว่า อีทีเอช กลับทะลึ่งพ่นออกมาดื้อ ๆ ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทางจะเล่นได้เหมือนกับ อาแจ็กซ์ เพราะคุณสมบัติของนักเตะที่แตกต่างกัน แถมฟุตบอลสไตล์อาแจ็กซ์ยังเป็นอะไรที่มีความพิเศษมาก ๆ ซึ่งไม่ได้มีอยู่ในดีเอ็นเอของผีแดงแม้แต่น้อย

เอาเล่นไม่ได้อย่างอาแจ็กซ์ไม่เป็นไร ทีนี้คุณพี่จะทำทีมสไตล์ไหนดี คำตอบคือ “สไตล์ไดเร็กซ์ฟุตบอล” หรือ ถอดความเป็นภาษาไทยว่า การบุกโจมตีอย่างรวดเร็ว และทรงประสิทธิภาพโดยเล่นบอลให้น้อยจังหวะที่สุด

หากใครนึกภาพไม่ออกก็ย้อนไปดู แมนฯ ยูไนเต็ด ยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่นแหละไดเร็กซ์ฟุตบอลของแทร่เลย

ส่วนไดเร็กซ์ฟุตบอลของ เทน ฮาก เท่าที่เห็น น่าจะเป็นแค่ของก็อปเกรดห่วย ๆ เพราะมันช่างเชื่องช้า ขาดจินตนาการ ขาดการประสานงาน และไร้ความแม่นยำโดยสิ้นเชิง

ผมไม่กล้าพูดว่า เทน ฮาก ตีความไดเร็กซ์ฟุตบอลผิดไปหรือเปล่าเพราะไอ้เราก็ไม่เคยเรียนวิชาโค้ชเสียด้วยเดี๋ยวจะว้าวุ่นกันเสียเปล่า ๆ

แต่เท่าที่เห็นไดเร็กซ์ฟุตบอลของ เทน ฮาก คือการใช้การวางบอลยาวจากแดนกลาง หรือ จากเซนเตอร์ฮาล์ฟไปให้ปีกทั้ง 2 ข้างที่เอาแต่ยืนชิดเส้น โดยแทบไม่ขยับเขยื่อนไปไหนตลอดทั้งเกม รวมทั้งกองหน้าวิ่งตามไปเก็บบอลมาเล่น ซึ่งถ้าเกี่ยวติดก็เฮงไป แต่ถ้าเอาลงไม่ได้ก็โดนสวนกลับจนต้องถอยลงมารับกันน้ำบานตามระเบียบ

นอกจากนี้ แผงมิดฟิลด์ตัวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยืนในระบบ 4-2-3-1 ยังยืนห่างกับมิดฟิลด์ตัวรับ 2 คนมาก ๆ จนทำให้เรามักจะได้เห็น คาเซมิโร, โซฟียาน อัมราบัต หรือ ใครก็ตามที่ถูกส่งลงมายืนในตำแหน่งนี้ โดนกองกลางฝ่ายตรงข้ามรุมกินโต๊ะเพราะกลางรุกทั้ง 3 ตัวไม่ยอมถอยลงมาช่วยเกมรับ หรือ ไม่ก็ลงไม่ทันเพราะยืนห่างกันเกินไปจนเหลือพื้นที่ให้คู่แข่งต่อบอลกันได้บานเบอะนั่นเอง

ยิ่งไปกว่านี้ เทน ฮาก ยังดูจะคิดมากจนหลอน และจับนักเตะสลับตำแหน่งกันมั่วไปหมด โดยคนที่ถูกหวยบ่อยสุดคือ บรูโน แฟร์นันด์ส ที่เล่นเป็นหน้าต่ำอยู่ดี ๆ ก็ถูกโยกไปเล่นเป็นปีกขวา ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คืออาการหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะโชว์ฟอร์มไม่ได้ดั่งใจของ ดาวเตะโปรตุกีส

ส่วน วิคตอร์ ลินเดเลิฟ หลัง ๆ ก็ถูกถ่างออกไปเป็นแบ๊กซ้าย ซึ่งก็เข้าใจได้ในยามที่แบ๊กซ้ายถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานจนหมดสต๊อก แต่ในเมื่อมี เซคิโอ เรกีลอน กลับมาแล้ว อาจารย์เทน ก็ยังโชว์เหนือถ่างเอา กัปตันทีมชาติสวีเดน ไปเล่นเป็นแบ๊กซ้ายเหมือนเดิม

มิหนำซ้ำยังกล้าดร็อปกองหลังแชมป์โลกอย่าง ราฟาแอล วาราน และใช้ แฮร์รี แม็กไกวร์ ยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงคู่กับ จอนนี่ อีแวนส์ ในการปะทะกับมวยรุ่นยักษ์อย่าง แมนฯ ซิตี อีกต่างหาก ซึ่งผลออกมาเป็นอย่างไรคงไม่ต้องเรียนซ้ำให้เสียอารมณ์

แน่นอนว่า การปลดผู้จัดการทีมบ่อย ๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีเพราะมันหมายถึงการกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่อีกครั้ง

แต่ในเมื่อเห็นกันอยู่ทนโท่ว่า กัปตันคนปัจจุบันไม่ใช่คนที่จะพาเรือของเราแล่นไปสู่จุดหมายปลายทางได้ บางทีมันน่าจะเป็นการดีกว่าที่เราจะยอมเริ่มต้นใหม่กับกัปตันคนใหม่ โดยหวังว่า จะเป็นคนที่ใช่เสียที…

แท ยอน