โดยมี “สรวงศ์ เทียนทอง” สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย (พท.)ลูกชายป๋าเหนาะ เสนาะ เทียนทอง นักปั้นนายกฯ ขึ้นมานั่งเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่แม่บ้าน นำทัพวางหมากสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงถือโอกาสนี้มาสนทนากับ “เลขาฯบอย” สรวงศ์ เทียนทอง จะเข้ามาจัดการพรรคอย่างไรเพื่อนำพาพรรคไปสู่หมุดหมายที่ต้องการ

โดย “สรวงศ์ เทียนทอง” เปิดประเด็นว่า ถ้ามองจริง ๆ แล้วเปรียบเทียบกับกก.บห.ยุคก่อน ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าครั้งนี้กก.บห.เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมด แต่จริง ๆ ถ้าดูอายุและพรรษาทางการเมืองแล้ว ก็ไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ พรรค พท. มีความประสงค์ที่จะรีฟอร์มพรรค รีแบรด์พรรค โดยการที่มีน.ส.แพทองธาร มารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค พวกเราทุกคนในพรรคทุกรุ่น ทุกอายุ ก็มีความตั้งใจให้พรรคมีความทันสมัยมากขึ้นในการทำงาน รวดเร็ว ฉับไว ทั่วถึง และเข้าถึงพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด นี่คือ หลักเกณฑ์ของพรรค เพราะฉะนั้นการทำงานต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นคนยุคไหนก็แล้วแต่ กก.บห.ชุดนี้สามารถประสานได้หมด 

@ น.ส.แพทองธาร ฐานะหัวหน้าพรรค ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษกับกก.บห.ชุดใหม่

สิ่งที่น.ส.แพทองธาร พูดชัดเจน คือ ขอความตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมกับปัญหาของพี่น้องประชาชนก็ดี ปัญหาอุปสรรคภายในพรรคก็ดี โดยได้กำชับว่า ขอให้บอก ไม่ต้องเกรงใจ คือ เวลาเราอยู่ในห้องประชุมจริง ก็เหมือนครอบครัวการทำงานทุกอย่างเราพูดคุยกันได้ ไม่ใช่ว่าดีครับนาย ได้ครับผม เหมาะสมแล้วนาย มันไม่ใช่แบบนั้น การทำงานต่าง ๆ ทุกคนจะต้องตรงไปตรงมาอะไรรับได้ก็รับ อะไรที่มีความเห็นไม่ตรงกันก็มีการถกเถียงกันในที่ประชุม ให้มันออกมาเป็นข้อยุติ

@ การทำงานต่อจากนี้มีอะไรที่จะต้องเปลี่ยนไปบ้างและได้มีการเริ่มขับเคลื่อนงานไปแล้วบ้างหรือยัง

การทำงานของพรรคก็ดำเนินมาโดยตลอด ผมแค่มารับช่วงต่อ ซึ่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตเลขาธิการพรรค ได้ทำงานไว้อย่างดี เราก็มาทำงานต่อมันก็ง่าย ตลอดจนกก.บห. รุ่นก่อนหน้านี้ได้วางสเต็ปและคอนเซ็ปไว้ ค่อนข้างเคลียร์ เราก็มาคลิกอัพงานโดยไม่ได้มีอุปสรรคอะไร ซึ่งผมในฐานะเลขาธิการพรรค และน.ส.แพทองธาร หัวหน้าพรรคเอง ได้ทำงานอยู่กับพรรคมาโดยตลอด แค่เรามาสวมหมวกในการมีตำแหน่งกก.บห. ฉะนั้นการทำงานราบรื่นไม่มีปัญหา

@ น.ส.แพทองธาร ระบุว่า กก.บห. ชุดนี้จะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะต้องกลับมายืนเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งในใจของพี่น้องประชาชน ถือว่าเป็นงานหินและท้าทายหรือไม่ และจะเดินสู่เป้าหมายอย่างไร

ยอมรับว่าเป็นงานหิน สำหรับทุกพรรคการเมืองพอเข้ามาเป็นตำแหน่งกก.บห.แล้ว ทุกคนก็ต้องเล็งเป้าหมายไปสู่การเลือกตั้งในครั้งต่อไป ส่วนถามว่ามีเป้าหมายและขั้นตอนในการเดินสู่เป้าหมายอย่างไร น.ส.แพทองธาร ก็พูดชัดเจนแล้ว ตอนที่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคแล้วว่า มีอยู่ 4 ข้อหลัก ๆ ที่เราจะต้องดำเนินการ

คือ 1. เราจะทำ Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ นำข้อมูลทุกอย่างให้อยู่ในระบบดิจิทัล เพื่อที่ว่าไม่ว่าคณะเข้ามาทำงานอย่างไร ก็จะได้มีการต่อยอดและพัฒนาได้อย่างง่ายขึ้น ข้อมูลสมบูรณ์แบบมากขึ้น 2. เราจะสร้างองค์กรแนวราบ  เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของทุก ๆ คน ทำให้พรรคได้เกิดประสบการณ์ มีกระบวนการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น

3. เราจะทำให้พรรค พท. เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ Learning Organization ที่จะมีศูนย์ข้อมูล ศูนย์วิจัย เพื่อที่จะพัฒนานโยบายของเรา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อปรับใช้ตามยุคสมัยให้ทันท่วงที และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างเท่าทัน เราจะมีการฝึกอบรมศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นยุวสมาชิกหรือสมาชิกทั่วไป แบ่งพื้นที่ให้คนทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ได้สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์ไอเดียซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่

 4. ข้อสุดท้ายนี้เป็นข้อที่สำคัญ เราจะสร้างเครือข่ายครอบครัวเพื่อไทยให้แข็งแรงและมีในทุก ๆ พื้นที่ของประเทศไทย เพื่อที่เราจะได้รับฟังเสียงของพี่น้องประชาชนที่สะท้อนมา ของตัวเองและของครอบครัวได้อย่างชัดเจน ให้มาถึงพรรค พท. ได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

@ มีการตั้งข้อสังเกตว่ากก.บห.ชุดนี้ แม้จะเป็นรุ่นใหม่ แต่ก็เป็นทายาทหรือคนที่เคยทำงานกับนักการเมืองรุ่นเก่าในพรรค แล้วจะถูกมองเป็นการครองอำนาจหรือบารมีหรือไม่

เอากันตรง ๆ แล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ ก็ไม่แฟร์กับพวกเราเท่าไร เพราะเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ผมมองในอีกมุมหนึ่ง ว่า มันจะเป็นจุดแข็งมากกว่า เราเดินตามรอยเท้าคนที่เป็นบุพการี ซึ่งประสบความสำเร็จทางการเมือง ขอเวลาพวกผมพิสูจน์ตัวเองก่อน ใครจะพูดอะไรก็ช่างเราไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธอะไรทั้งนั้น ผมเป็นลูกของนายเสนาะ เทียนทอง น.ส.แพทองธาร เป็นลูกของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นหลานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฉะนั้นทุกอย่างขอให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ในการทำงานของเรา 

“จริง ๆ แล้วผมก็พิสูจน์ตัวเองมา 20 ปีที่ผ่านมาทำงานสส. ถ้าผมไม่ดีพี่น้องประชาชนก็จะไม่เลือก เช่นเดียวกันน.ส.แพทองธาร ประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจมา ใครจะพูดว่าพ่อแม่ทำไว้แล้วมาสานต่อ แต่ถ้าทำไม่ดีทำไม่สำเร็จ ไม่สามารถต่อยอดได้ อะไรต่าง ๆ เหล่านี้เราให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คือสิ่งที่ดีที่สุด”

@ ฐานะที่เป็นลูก “ป๋าเหนาะ” นายเสนาะ เทียนทอง ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองมามาก จากนี้จะมีการนำแนวทางมาปรับใช้ในการทำงานหรือไม่

นี่เป็นจุดเด่นของคุณพ่อที่สามารถคุยกับทุกฝ่ายได้ ตั้งแต่ระดับบิ๊กทหารไปจนถึงพระ ซึ่งการที่เรามารับช่วงต่อและเข้ามา รับตำแหน่งสำคัญของพรรค พท.  ผมมองว่า เราต้องเอาของที่คนรุ่นที่ผ่านมาทำไว้ มาประยุกต์ใช้กับคนรุ่นสมัยเรา ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือวิธีการพูด

@ ต้องยอมรับว่าพรรค พท. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็โดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่

นี่เป็นโจทย์ใหญ่ของพรรค พท. ในการดึงความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนให้กลับมา เรายืนยันสโลแกนคิดใหญ่ทำเป็น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่ว่า จะไม่เคยเกิดกับเรา ตั้งแต่ตอนที่ทำ 30 บาทรักษาทุกโรคและกองทุนหมู่บ้านก็โดนข้อหาแบบนี้ เหมือนกันเพียงแต่ว่าตัวเม็ดเงินอาจจะน้อยกว่า สิ่งที่เราคิดไม่ได้คิดว่าจะเอาเพื่อคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน แต่เราต้องการช่วยเหลือประเทศชาติในภาพรวมของเศรษฐกิจ ส่วนหน่วยงานต่าง ๆ ที่มาติติงรัฐบาลนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ก็พูดชัดเจน ว่า พร้อมที่จะรับฟังคำติชม แต่การทำงานของประเทศจะต้องมีการตัดสินใจ ผมฐานะที่เป็นหนึ่งในสมาชิกพรรค และสส.พรรค ก็มีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของรัฐบาลในทุกนโยบายที่จะส่งถึงมือพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง

@ นับจากนี้อีก 4 ปีถึงจะมีการเลือกตั้งใหม่ จะวางรากฐานและสร้างความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนให้มั่นใจกับพรรคและตัวน.ส.แพทองธาร อย่างไร

ต้องทำงานคู่ขนานกันไป ทั้งงานภายในพรรค พท. และการบริหารราชการแผ่นดิน ต้องพูดตรงตรงว่าขณะนี้เรารัฐบาล  ซึ่งพรรค พท. ตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เราก็เป็นรัฐบาลพรรคเดียวมาโดยตลอด ดังนั้นการทำงานช่วงนี้ ที่เป็นรัฐบาลผสมถามว่าลำบากไหมก็ลำบาก เพราะการทำงานหรือการสั่งงานก็เป็นรูปแบบของรัฐบาลผสมแน่นอนว่าทำงานลำบากอยู่แล้ว แต่ฐานะที่เป็นพรรคการเมืองเราต้องทำงานไปควบคู่กับพรรคร่วมรัฐบาล

“ผมเชื่อว่าอะไรก็แล้วแต่ที่พรรคจะเสริมรัฐบาลได้เราทำเต็มที่ อะไรก็แล้วแต่ที่รัฐบาลจะเสริมพรรคได้รัฐบาลก็ทำเต็มที่ ส่วนใครที่จะเป็นนายกคนต่อไปและพรรคเพื่อไทยจะเสนอใครอันนั้นเป็นเรื่องของอนาคตแต่เราปูทางตรงนี้ให้ดีที่สุดให้สมบูรณ์ที่สุด ในการที่จะดึงความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนกลับมาให้พรรค”.