ในแวดวงฟุตบอลยุโรปนาทีนี้ มีกุนศือมือดีอยู่มากมาย แต่หากให้ชี้ว่าใครเป็นระดับโลกบ้าง อาจนับนิ้วได้ด้วยมือข้างเดียว บวกลบนิดหน่อย

แต่สำหรับบรรดากุนซือดาวรุ่งแล้ว ว่ากันว่านาทีนี้ ชื่อของ ชาบี อลอนโซ คือหนึ่งในคนที่น่าจับตาที่สุด

อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติสเปน เริ่มต้นกับทีมเยาวชนของ รีล มาดริด ก่อนโยกไปคุมทีม B ของ รีล โซเซียดัด ก่อนจะจับงานกุนซือใหญ่เต็มตัวครั้งแรกกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ทีมดังในบุนเดสลีกา เมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว

ตอน อลอนโซ เข้ามารับงาน “ห้างขายยา” หล่นไปคลุกฝุ่นอยู่โซนท้ายตารางบุนเดสลีกา แต่อดีตดาวเตะ ลิเวอร์พูล, รีล มาดริด และ บาเยิร์น มิวนิก สามารถดึงทีมให้ขยับมาจบเป็นอันดับ 6 ได้หลังจบฤดูกาล

ขณะที่ในซีซั่นนี้ ผลงานของ “ห้างขายยา” ในมือของเขา ยังคงแรงต่อเนื่อง ถึงเวลานี้ พวกเขาเบียด บาเยิร์น มิวนิก ขึ้นไปรั้งจ่าฝูง โดยชนะถึง 10 จาก 11 เกม และยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น โดย 1 นัดที่เสมอ ก็เป็นการเสมอกับ “เสือใต้” เสียด้วย โดยเกมล่าสุดถล่ม อูนิโอน เบอร์ลิน 4-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

และการเก็บ 31 จาก 33 แต้ม ถือเป็นสถิติการออกสตาร์ตซีซั่นที่ที่สุดในประวัติศาตร์บุนเดสลีกา เทียบเท่าที่ “เสือใต้” เคยทำไว้ในฤดูกาล 2015-16 ภายใต้การคุมทีมของ เปป กวาร์ดิโอลา

ถามว่า อลอนโซ ทำอะไร “ห้างขายยา” จึงบินสูงได้แบบนี้ คำตอบคือเขาเข้ามาเปลี่ยนแนวคิดของสโมสร จากแนวทางเน้นหานักเตะอายุน้อยมาปั้นเพื่อขายต่อเป็นหลัก มาเป็นทีมที่ต้องการความสำเร็จในรูปแบบถ้วยแชมป์เต็มตัว

อลอนโซ สามารถทำให้บอร์ดบริหารของสโมสร ยอมทำตามแนวทางของเขา ด้วยการดึงตัวเก๋าเข้ามาช่วยทีมมากขึ้น เขาดึง กรานิต ชากา (31 ปี) เข้ามาเสริมทีม เช่นเดียวกับ โจนาส ฮอฟมันน์ (31 ปี) และ อเล็กซ์ กริมัลโด (28 ปี) เรียกว่าเป็นการเอาตัวประสบการณ์เข้ามาช่วย ไม่ใช่มองหาแต่เด็กดาวรุ่งมาปั้นอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว

และด้วยการเป็นที่ยอมรับนับถือสมัยเป็นนักเตะ บวกกับผลงานที่ยอดเยี่ยมในการคุมทัพ “ห้างขายยา” หากปีนี้ อลอนโซ มีแชมป์ติดมือ ยิ่งถ้าเป็นแชมป์บุนเดสลีกา เส้นทางในอาชีพของเขาอาจไม่ได้อยู่ในถิ่น ไบ อารีนา นานนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ รีล มาดริด กำลังจะเสีย อันเชล็อตติ ไปในซีซั่นหน้า

และนั่นอาจเป็นประตูสู่การเป็นกุนซือ “ระดับโลก” คนต่อไป…

ผยองเดช