“เป็นแฟนผีต้องอดทน” น่าจะเป็นวลีที่เหมาะเหลือเกินกับแฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคนี้นะครับ หลังต้องลุ้นกันจนปัสสาวะข้นเช่นเคยกว่าทีมรักจะบุกไปคว่ำ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ลงได้ 2-1 พร้อมเก็บ 3 คะแนนอันล้ำค่าได้สำเร็จ

แน่นอนว่า แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด คาดหวังกับเกมที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม เอาไว้มาก หลังจาก เรด เดวิลส์ ออกสตาร์ตในแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการบุกแพ้ ยัง บอยส์ เบิร์น 1-2 แบบไม่ต้องการเหตุผล และความเข้าใจใด ๆ ทั้งสิ้น

เกมนี้ โอเล กุนนาร์ โซลชา ยังยึดแผนการเล่นระบบ 4-2-3-1 โดยส่ง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาลงไปยืนเป็นมิดฟิลด์คู่กลางร่วมกับ เฟร็ด เพื่อขันเกมรับให้รัดกุม

ส่วน 3 ตัวบน ปอล ป็อกบา ยืนเป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้าย, บรูโน แฟร์นันด์ส ยืนตรงกลาง และมี เมสัน กรีนวูด ขึ้นเกมรุกฝั่งขวา โดยมี คริสเตียโน โรนัลโด ยืนเป็นหน้าเป้า ขณะที่คนที่หลุดไปเป็นตัวสำรองคือ เจดอน ซานโช ที่ยังทำผลงานได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันมากนักนับตั้งแต่ย้ายมาจาก ดอร์ทมุนด์

เกมนี้ต้องชม โซลชา ที่สั่งให้ลูกทีมเข้าทำด้วยจังหวะการเล่นที่รวดเร็วขึ้น และพยายามเปิดบอลเข้าไปให้ โรนัลโด ลุ้นทำประตูตลอดเวลา เรียกว่า เห็นช่องเมื่อไรก็เปิดยัดให้ “ซีอาร์7” ได้เลย

กระนั้นก็ต้องชมแนวรับ เวสต์แฮม เช่นกันว่า เหนียวแน่นเหลือเกิน โดยเฉพาะคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟอย่าง อันเจโล อ็อกบอนนา กับ เคิร์ต ซูมา ที่ช่วยตัดบอลในจังหวะอันตรายได้หลายครั้ง ขณะที่ ลูคัส ฟาเบียนสกี ก็โชว์ฟอร์มหนึบ และช่วยเซฟประตูให้ “ขุนค้อน” ได้อย่างยอดเยี่ยม

ส่วนจังหวะเสียประตู 0-1 ในนาทีที่ 30 นั้น ต้องบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อนข้างโชคร้ายที่ลูกยิงไกลของ ซาอิด เบนราห์มา ดันไปแฉลบ ราฟาแอล วาราน ก่อนจะเปลี่ยนทางเข้าไปตุงตาข่ายชนิดที่ ดาบิด เด เคอา ที่หลงทางไปแล้วทำได้แค่ป้องกันด้วยสายตาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด ยังกลับมาได้เร็ว โดยทวงประตูตีเสมอ 1-1 ได้อย่างทันควันในอีก 5 นาทีให้หลังจากจังหวะที่ แฟร์นันด์ส  เปิดบอลให้ โรนัลโด เข้าชาร์จ แม้ดาบแรกจะติดเซฟของ ฟาเบียนสกี แต่ โรนัลโด ก็ไวพอที่จะตามซ้ำดาบ 2 เข้าไป และกลายเป็นประตูที่ 4 จากการลงเล่น 3 นัดหลังสุดของ ดาวยิงวัย 36 ปีเข้าให้แล้ว

ช่วงท้ายเกมต้องชมการปรับหมากของ โซลชา ที่กล้าถอด ป็อกบา ที่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานออก และส่ง เจสซี ลินการ์ด ที่ไปกับบอลได้ดีกว่า และยิงประตูได้ดีกว่าลงมาเล่นแทน ซึ่ง “เจลิงซ์” ก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง เมื่อซัดประตูให้ผีแดงแซงนำ 2-1 ได้สำเร็จในนาทีที่ 89

ถึงตรงนี้ใคร ๆ ก็คิดว่า มันจบแล้วครับนาย ทว่ากลับมีดราม่าซ้อนดราม่าขึ้นมาในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+3 เมื่อ เวสต์แฮม มาได้จุดโทษจากการทำแฮนด์บอลของ ลุค ชอว์ เสียอย่างนั้น

เพื่อให้เรื่องราวมันทวีความดราม่าขึ้นไปอีก เดวิด มอยส์ กุนซือ เดอะ แฮมเมอร์ส จึงโชว์ความเหนือด้วยการส่งตีนสังหารมือ 1 อย่าง มาร์ก โนเบิล ลงมาแทน จาร์ร็อด โบเวน เพื่อสังหารจุดโทษลูกนี้โดยเฉพาะ แม้ เดแคลน ไรซ์ จะถือลูกบอลรอสังหารอยู่แล้วก็ตาม

ทว่าบุญเก่าของ โซลชา และลูกทีมยังมีมากพอ เมื่อ โนเบิล ที่ว่าชัวร์นักชัวร์หนากลับยิงไปเซฟของ เด เคอา ที่เซฟจุดโทษไม่ได้มา 40 ครั้งติดต่อกันทั้งในนามสโมสร และทีมชาติ หรือ นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา และทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าชัยไปแบบอึ้งทึ่งเสียวกันทั้งบาง 2-1

ชัยชนะนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มี 13 คะแนนจาก 5 นัดเท่ากับทั้ง เชลซี และลิเวอร์พูล แต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรองจึงรั้งอันดับ 3 และช่วยให้สาวก เรด อาร์มี ทั้งหลายไม่ต้องมีเช้าวันจันทร์ที่โหดร้ายในการเผชิญหน้ากับแฟนบอลขุนค้อน (ขาจร) ในแดนสยามที่เพิ่มจำนวนขึ้นมามหาศาลในชั่วข้ามคืน อิอิอิ

พูดถึงจุดโทษจะไม่พูดถึงการทำหน้าที่ของ มาร์ติน แอตกินสัน ผู้ตัดสินในเกมนี้ก็คงไม่ได้ หลังหมอเกือบจะทำให้ปาร์ตีของ แมนฯ ยูไนเต็ด กร่อยสนิทด้วยการปฏิเสธที่จะให้จุดโทษกับผีแดงแบบดื้อ ๆ ทั้งที่ โรนัลโด โดนอัดร่วงในกรอบเขตโทษถึง 3 ครั้ง โดยมีการปะทะกันเกิดขึ้นอย่างชัดเจน 2 ครั้งคือจังหวะที่ วลาดิเมียร์ คูฟาล ยื่นเท้าออกมาดัก ดาวยิงโปรตุกีส จนหัวทิ่ม และจังหวะที่เจ้าตัวโดน เคิร์ต ซูมา เสียบจนกลิ้งเป็นลูกขนุนท้ายเกม

ทว่าเปาแอตกินสันกลับทำเฉย และไม่ทำแม้กระทั่งย้อนกลับไปดูภาพช้าจากจอมอนิเตอร์วีเออาร์ข้างสนามด้วยซ้ำ

เหตุการณ์ที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ เซาแธมป์ตัน ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ เมื่อผู้ตัดสิน จอน มอสส์ ตัดสินใจดึงลูกจุดโทษคืนจากพลพรรคนักบุญ ทั้งที่ภาพช้าจากวีเออาร์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อดัม อาร์มสตรอง โดน ไคล์ วอล์คเกอร์ กองหลัง แมนฯ ซิตี เข้ามาทำฟาวล์จากด้านหลัง

ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล กุนซือ เดอะ เซนต์ส ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้หลังเกมว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กติกา แต่มันอยู่ที่ผู้ตัดสินที่ไม่กล้าพอจะเป่าให้ทีมของเขาได้จุดโทษ ซึ่งพรีเมียร์ลีกควรลงมาดูแลเรื่องนี้ และกำหนดมาตรฐานให้ชัดเจนว่า ต้องซัดกันให้ขาแข้งหักเสียก่อนไหมผู้ตัดสินจึงจะเป่าเป็นจุดโทษได้

ย้อนกลับมาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากการจ่ายบอลเสียง่าย ๆ ที่ยังคงมีให้เห็นในเกมนี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ โซลชา และทีมงานควรจะเอากลับไปคิดเป็นการบ้านก็คือจะใช้ประโยชน์จากลูกตั้งเตะให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ได้อย่างไร

เกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลูกเตะมุมถึง 11 ครั้งนะครับ แต่กลับแทบไม่มีเลยสักครั้งที่ใกล้เคียงกับการเปลี่ยนให้เป็นประตูได้ ซึ่งแตกต่างกันมากกับคู่แข่งอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ได้ประตูจากลูกเตะมุมถึง 3 ประตูจากชัยชนะ 3-0 เหนือ คริสตัล พาเลซ

บางทีการลองเปลี่ยนให้ แฟร์นันด์ส ที่เชี่ยวชาญในการเล่นลูกนิ่งกลับไปเล่นลูกเตะมุมแทน ชอว์ ที่มักจะชอบเปิดบอลแบบโรย ๆ ไร้พลังนั้น อาจจะเป็นคำตอบของเรื่องนี้ก็เป็นได้

สำหรับเกมต่อไป แมนฯ ยูไนเต็ด มีคิวจะลงดวลแข้งกับ เวสต์แฮม อีกครั้งแต่จะเป็นในศึกคาราบาว คัพ รอบ 3 ในวันพุธที่ 22 ก.ย. และจะเปลี่ยนไปเตะกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งงานนี้บรรดาพ่อยกแม่ยกของ ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค มีโอกาสจะได้เห็น ดีวีบี ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงค่อนข้างแน่หลังจากที่เพิ่งเจ็บช้ำระกำใจจากการโดนเปลี่ยนออกในช่วงพักครึ่งของเกมแพ้ยัง บอยส์ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการโดนแดงอย่างน่ากระโดดเตะยอดหน้าของ อารอน วาน บิสซากา นั่นเอง.

แท ยอน