ภายหลังทัพช้างศึกพลาดท่าปราชัยให้กับนักเตะจากแดนมังกรหรือทีมชาติจีนไป1:2ในบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเซียรอบ2 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

จากผลหรือปรากฎการณ์ดังกล่าวส่งผลให้คอลูกหนังทั่วไทยต่างผิดหวังและออกมาแสดงทัศนะต่อทัพไทยกันอย่างหลากหลาย

สาระสำคัญหรือหนึ่งในมิติที่สาวกช้างศึกสะท้อนและส่งเสียงให้เห็นว่าการที่นักเตะไทยไม่สามารถก้าวไปไกลกว่านี้ได้คือเรื่องของการบริหารจัดการตลอดจนปัญหาหรือหลุมดำต่างๆที่คอยเกาะเกี่ยวกับทีมมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อกล่าวถึงการบริหารจัดการหรือการวางแผนกลยุทธ์เพื่อพัฒนาหรือยกระดับให้ทีมชาติไทยก้าวไปสู่ทิศทางอนาคตที่ดีกว่าโดยเฉพาะการก้าวข้ามอาเชียนและสามารถสู้กับนักเตะระดับแนวหน้าของเอเชียได้ซึ่งกรณีนี้หรือการบ้านในการขับเคลื่อนแน่นอนผู้ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงคงได้แก่สมาคมกีฬาลูกหนัง

ที่น่าสนใจการยกระดับทัพช้างศึกเพื่อให้ต่อกรหรือดวลหัวเกือกกับทีมชั้นนำได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพแล้วปัจจัยหรือองค์ประกอบที่สำคัญที่จะเข้ามาเป็นพลังเสริมให้ทีมแข็งแกร่งคือ”โค้ช”หรือกุนซือสมองเพชร

สำหรับโค้ชทีมช้างศึกชุดใหญ่จะเห็นได้ว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมาภายหลังปรากฎการณ์หรือวลีที่ออกมาจากผู้นำสมาคมดังความว่า”ใครไม่อายผมอาย”จนนำไปสู่การจากไปของ”ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองกุนซือหรือผู้ฝึกสอนที่เข้ามากุมบังเหงียนทัพนักเตะไทยก็ตกไปอยู่ในมือของโค้ชต่างชาติ

ด้วยผลงานของโค้ชนอกไม่ว่าจะเป็นมิโลวาน ราเยวัชจากเซอร์เบียร์ ที่ตอนแรกท่าว่าจะดีแต่เมือผลงานไม่เป็นไปตามเป้ากุนซือรายใหม่จึงตกเป็นของโค้ชจากแดนปลาดิบ อากิระ นิชิโนะและกระทั่งถึงวันนี้จึงมาจบที่มาโน่ โพลกิ้ง

วันนี้ถ้าจะกล่าวถึงผลงานหรือความสุขที่คอบอลไทยได้รับอันเนื่องมาจากโค้ชลูกครึ่งบราซิล-เยอรมนีอย่างมาโน่ โพลกิ้งเชื่อว่านอกจากสาวกตัวจริงแล้วผู้สันทัดในวงการลูกหนังไม่ว่าจะเป็นอดีตโค้ชหรืออดีตนักเตะทีมชาติไทยรวมทั้งสื่อมวลชนสายกีฬาต่างยังกังขากับผลงานของกุนซือรายนี้อยู่พอสมควรว่ายังดีพอที่เดินเคียงข้างไปกับทีมชาติไทยหรือไม่

ยิ่งกระแสภายหลังทัพไทยแพ้คาบ้านต่อนักเตะกำแพงเมืองจีนเมื่อเร็วๆนี้ด้วยแล้วการส่งเสียงให้ผู้เกี่ยวข้องในสมาคมตลอดจนผู้จัดการทีมอย่าง”นางฟ้าลูกหนัง” มาดามแป้งพิจารณาว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนม้ากลางศึกหรือไม่

เมื่อนำผลงานการพบกับทีมจากแดนม่านไม้ไผ่ก่อนหน้านี้มาผนวกกับที่ขุนพลนักเตะไทยจะลงสนามพบกับทีมเจ้าบ้านลอดช่องสิงคโปร์ในแมทช์ที่สองวันนี้(21 พฤศจิกายน 2566) เชื่อว่าเมื่อผลการดวลแข้งจบลงแฟนหนังและคนกีฬาในบ้านเราคงจะทราบว่าและลุ้นว่ากุนซือทัพช้างศึกคนเก่าจะไปหรือคนใหม่จะมาหรือไม่

ต่อกรณีนี้เแน่นอนถ้าผลงานออกมาไม่เป็นดังหวังหรือไม่สามารถนำแต้มกลับบ้านได้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงและไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้คงจะหนีไม่พ้นหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่จะต้องพิจารณาตัวเองภายใต้Spirit และการปฏิบัติตามวิถีลูกหนัง

และถ้าปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นก็คงจะเป็นอีกครั้งสำหรับการทิศทางอนาคตช้างศึกไทยว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง

อย่างไรก็ตามก่อนที่เกมการดวลแข้งกับสิงคโปร์จะเกิดขึ้นหวังว่าวันนี้แฟนบอลชาวไทยทั่วทิศคงจะลุ้นและร้อยแรงใจส่งแรงเชียร์ไปยังทัพไทยเพื่อความสุขและความสำเร็จที่จะตามมา

รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร