ปัญหา “หมูเถื่อน” ที่ลักลอบขนเข้ามาเป็นหมื่นๆตู้ สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการผู้เลี้ยงหมูมากมาย และสุดท้ายปลายทางจะไปสู่จุดไหน วันนี้ทีมข่าว Special Report สนทนากับ น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และประธานกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ผู้มีประสบการณ์ในการเลี้ยง “หมูขุน” จำนวนหลายพันตัวในพื้นที่ จ.ราชบุรี

Special Report : หมูเถื่อนระบาดหนักในประเทศไทย เพราะเข้ามาเป็นหมื่นตู้?

น.สพ.วิวัฒน์ : ผมมองว่าคนที่เกี่ยวข้องกับหมูเถื่อน เป็นนักฉวยโอกาส เห็นแนวโน้มการระบาดของโรค ASF ในต่างประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านของไทย ต้องลามเป็นโดมิโน่มาถึงไทยอย่างแน่นอน ทำให้หมูตายจำนวนมาก และราคาหมูต้องแพงอย่างแน่นอน จึงขนเข้ามากันตามปกติ แต่สำแดงเป็นเท็จว่าเป็นปลาและอาหารทะเล จำนวนกว่าหมื่นตู้

คนที่ทำต้องมีประสบการณ์ทางด้านการจัดซื้อ และนำเข้า เนื่องจากคิดว่าโรค ASF คงอยู่ในไทยยาวนาน แต่ปรากฎว่าแค่ปีเดียว พวกเราเรียนรู้ประสบการณ์จากประเทศเพื่อนบ้านจึงเอาโรคนี้อยู่หมัด ดังนั้นเมื่อลักลอบขนกันเข้ามาเป็นหมื่นๆตู้ (ตู้ละ18-27ตัน) ช่วงปลายปี 65 ถึงต้นปี 66 หมูเถื่อนจึงล้นประเทศ ส่งผลให้เกษตรกรรายเล็ก รายน้อยขาดทุนกันทั่วหน้า ตัวละ 2-3 พันบาท ส่วนพวกหมูเถื่อนได้กำไรกันตู้ละเป็นล้านบาท เมื่อจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางแล้ว ยังเหลือกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่าตู้ละ 5 แสนบาท

Special Report : ที่ผ่านมาสมาคมฯ-ผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยมีการเคลื่อนไหวอย่างไร?

น.สพ.วิวัฒน์ : พวกเราไม่ได้อยู่กันเฉยๆ แต่ไปร้องทุกข์กันมาหลายที่ครับ สมัยรัฐบาลที่แล้วก็เคยไปร้องถึงทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย เคยไปร้องที่พรรคก้าวไกล เพราะคิดว่าเขาจะมาเป็นรัฐบาล รวมทั้งที่พรรคเพื่อไทยก็ไปร้องทุกข์มา

โดยวันที่ 12 ธ.ค.นี้ พวกเราจะไปที่ทำเนียบรัฐบาลอีก แต่ไม่ได้ไปร้องทุกข์ แต่จะไปขอบคุณนายกฯเศรษฐา ทวีสิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีความตั้งใจปราบปรามหมูเถื่อน จากความตั้งใจของนายกฯ ทำให้หมูเป็นๆ ขยับราคาขึ้นมา กก.ละ 6 บาท แล้ว

Special Report : การเปลี่ยน “อธิบดีดีเอสไอ” ส่งผลต่อการปราบหมูเถื่อน?

น.สพ.วิวัฒน์ : โดยส่วนตัวคิดว่าไม่มีผลอะไร เนื่องจากเรื่องนี้นายกฯ ลงมาจี้ด้วยตัวเอง และทุกคนทราบดี ที่สำคัญต้องดูว่าช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา ดีเอสไอทำคดีคืบหน้าไปถึงไหนบ้าง จับดำเนินคดีได้แล้วกี่คน กี่บริษัท หรือว่ายังวนเวียนอยู่ที่เดิม รวมทั้งเรื่องการตรวจสอบห้างฯแม็คโคร ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เพราะเขาทำมาค้าขายตามปกติ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เข้าไปตรวจสอบแล้วเจอ “ตอ” ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่

เมื่อนายกฯ เอาจริงกับเรื่องหมูเถื่อน แต่ฝ่ายตรงข้ามเขาก็ไม่โง่นะ เพราะเข้ามี “นักร้อง” คอยจูงสมูกใครหลายๆคน เมื่อสภาพเป็นแบบนี้ คือขนหมูเถื่อนเข้ามาเยอะ ตนจึงขอแนะนำนายกฯให้เอา “อัยการ” มาช่วย “ดีเอสไอ” ทำงาน เพื่อสำนวนคดีจะได้เดินไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากดีเอสไอมีคนน้อย

Special Report : ปัจจุบันยังมีหมูเถื่อนเข้ามาในประเทศไทยอีกหรือไม่?

น.สพ.วิวัฒน์ : ไม่มีแล้ว เนื่องจากรัฐบาลเอาจริง รวมทั้งมีการเปลี่ยนตัวข้าราชการในกรมศุลกากร-กรมปศุสัตว์ ไปพอสมควร คนที่ทำงานอยู่ขณะนี้ไม่มีใครกล้าทำหรอก หมูเถื่อนจึงลอยอยู่ในทะเล ไม่รู้ว่าจะหันหัวเรือเข้าประเทศไหนดี

ส่วนหมูเถื่อนในประเทศไทย ปัจจุบันซุกอยู่ในห้องเย็น-รถห้องเย็นที่พร้อมขนย้ายหลบหนีได้ตลอดเวลา บางส่วนต้องรีบนำเข้าโรงงานแปรรูป รีบสไลด์และปรุงรสชาติ อีกส่วนหนึ่งต้องรีบแจก หรือขายในราคาถูกๆ เพื่อรีบทิ้งหมูเถื่อนของกลาง

Special Report : คิดว่ายังมีหมูเถื่อนล็อตใหญ่ตกค้างอยู่ที่ไหนบ้าง?

น.สพ.วิวัฒน์ : ตนสงสัยที่ท่าเรือคลองเตย เนื่องจากเป็นท่าเรือที่มีขอบข่ายกว้างขวางมาก ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบ-ตรวจค้นให้ละเอียด เพราะถ้าข่าวเงียบเมื่อไหร่ หมูเถื่อนอาจจะออก รวมทั้งในพื้นที่ จ.นครปฐม ก็อยู่ในข่ายน่าสงสัยเช่นเดียวกัน

Special Report : ประเทศต้นทางของหมูเถื่อน?

น.สพ.วิวัฒน์ : มาจากหลายประเทศครับ ทั้งบราซิล เยอรมัน แคนาดา จีน เกาหลีใต้ เพราะมีต้นทุนการเลี้ยงหมูถูกกว่าไทย ส่วนใหญ่เป็นหมูที่เขาไม่ต้องการแล้ว เป็นหมูใกล้หมดอายุ โดยเฉพาะเครื่องในหมู ซึ่งต่างประเทศเขาไม่กิน ก็ลักลอบขนกันเข้ามาในประเทศไทย จากในอดีตที่เคยผ่อนผันนำเครื่องในหมูเข้ามาได้บ้าง เพื่อมาเป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์เลี้ยง (หมา-แมว)

ปัญหาหมูเถื่อนในประเทศไทยเป็นเรื่องน่าอับอายมาก เพราะสื่อมวลชนในประเทศบราซิลเล่นข่าวใหญ่โตว่าส่งออกหมูไปประเทศไทยได้เงินเป็นพันๆล้านบาท ทั้งที่กรมปศุสัตว์ของไทยไม่เคยไปดู-ตรวจสอบ หมูจากต้นทาง ไม่เคยไปดูโรงงาน ไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้ส่งออกเลย ขณะที่กรมศุลกากรก็รายงานว่าไม่มีการนำเข้าหมูจากบราซิลเลย เพราะมีการสำแดงเท็จว่าเป็นอาหารทะเล

Special Report : สิ่งที่ต้องการแนะนำไปยังรัฐบาล?

น.สพ.วิวัฒน์ : ขอย้ำอีกครั้งว่าพวกตนต้องขอบคุณนายกฯ ที่เอาใจใส่เรื่องหมูเถื่อน ไม่เช่นนั้นปัญหาหมูเถื่อนจะทำให้วงการหมูในประเทศไทยหมดความน่าเชื่อถือ ส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงในวงกว้าง ทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงรายเล็ก-รายใหญ่ เกษตรกรผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์ และผู้บริโภค

พวกผมเห็นด้วยที่มีการขึ้นทะเบียนห้องเย็น-รถห้องเย็น-ตู้เสียบปลั๊ก จากความขยันของนายกฯ ส่งผลให้หมูเป็นปรับราคาขึ้นอีก 6 บาท ทำให้ผู้เลี้ยงหมูมีขวัญและกำลังใจดีขึ้น หลังจากนี้เรื่องคดีก็ว่ากันไป แต่ในส่วนของเกษตรกรยังยากลำบาก เพราะเสียหายกันมา 2 รอบ โดยรอบแรกจากปัญหาโรคระบาด รอบที่ 2 เริ่มเลี้ยงแล้วหมูพอจะได้ราคาบ้าง กลับมาเจอหมูเถื่อนระบาด ตรงนี้จึงขอฝากรัฐบาลให้ช่วยสนับสนุนเรื่องเงินทุน เรื่องต้นทุนการเลี้ยง และปัญหาอาหารสัตว์ที่มีราคาแพง.