นอกเหนือจากรูปปั้นเนลสัน แมนเดลา สูง 9 เมตร ในกรุงพริทอเรีย ยังมีรูปปั้นแทนตัวเขาอีกอย่างน้อย 50 ชิ้น, จิตรกรรมฝาผนังที่อุทิศให้เขา ทั้งในแอฟริกาใต้และทั่วโลก ตั้งแต่กรุงลอนดอน ไปจนถึงเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง

แมนเดลา ซึ่งถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2556 ปรากฏอยู่บนธนบัตรของแอฟริกาใต้ อีกทั้งอัตชีวประวัติของเขา “Long Walk To Freedom” หรือ “หนทางไกลสู่เสรีภาพ” ยังคงเป็นหนึ่งในหนังสือขายดีทั่วโลกตลอดกาล แม้กระทั่งเกาะโรบเบิน ซึ่งเป็นสถานที่คุมขังแมนเดลา นานถึง 27 ปี ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของประเทศเช่นกัน

บิลบอร์ดในเมืองเดอร์บันของแอฟริกาใต้ แสดงความรำลึกถึงนายเนลสัน แมนเดลา

การยืนหยัดของแมนดา ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างในกลุ่มของเขาด้วยชื่อ “มาดิบา” นั้นยิ่งใหญ่มาก จนผู้คนจำนวนมากที่เฝ้าดูสภาพเศรษฐกิจและการเมืองของแอฟริกาใต้ในปัจจุบัน ตั้งคำถามว่า มาดิบาจะคิดอย่างไร หากเขายังอยู่ที่นี่

ในเดือนนี้ มูลนิธิแมนเดลา เปิดนิทรรศการครบรอบการถึงแก่อสัญกรรมของแมนเดลา โดยใช้ชื่อที่เรียบง่าย และสื่อความหมายตรงตัวว่า “Mandela is Dead” หรือ “แมนเดลาจากไปแล้ว” เพื่อกระตุ้นให้ชาวแอฟริกาใต้ก้าวต่อไป ปล่อยวางเรื่องของแมนเดลา และมองหาบุคคลต้นแบบคนใหม่

อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองฝ่ายซ้าย และเยาวชนจำนวนมาก มองว่า แมนเดลาควรดำเนินการให้มากกว่านี้ เพื่อขจัดผลกระทบของการเลือกปฏิบัติที่มีมานานเกือบ 5 ปี อันเกิดจากการแบ่งแยกสีผิวโดยชนกลุ่มน้อยผิวขาวที่ทำลายสังคม

eNCA

หลายกล่าวว่า คนจนยังจนเหมือนเดิม คนรวยก็รวยเหมือนเดิม และเสรีภาพไม่ได้มีความเสรี ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งระบุว่า ความฝันมากมายของแมนเดลา ยังไม่ได้รับการเติมเต็มจากสหายของเขา และชาวแอฟริกาใต้ทุกคนควรมุ่งมั่นทำให้ความฝันเหล่านี้กลายเป็นจริง ไม่เช่นนั้น มันก็จะตายไปพร้อมกับแมนเดลา

นายเวิร์น แฮร์ริส ผู้เก็บเอกสาระสำคัญของประธานาธิบดีผู้ล่วงลับ และรักษาการแทนประธานมูลนิธิแมนเดลา กล่าวว่า ตัวแทนของมูลนิธิที่เดินทางไปยังเมือง และโรงเรียนต่าง ๆ ในแอฟริกาใต้ รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งมุมมองที่ว่า “แมนเดลาเป็นคนทรยศ” นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชาวแอฟริกาใต้ยังประสบปัญหาในทุกวันนี้ หรือแม้แต่ความเห็นใจต่อผู้สืบทอดของอดีตผู้นำ ซึ่งเป็นคนยากไร้

eNCA

กระนั้น แฮร์ริสกล่าวว่า เขารู้สึก “สับสนอย่างยิ่ง” เกี่ยวกับการครบรอบการถึงแก่อสัญกรรมของแมนเดลา เพราะเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่หวังว่า ทุกคนจะสามารถปล่อยวางเรื่องของแมนเดลาได้ แต่ในทางตรงกันข้าม เขาก็มีความรู้สึกว่า ชีวิตของแมนเดลาคือแรงบันดาลใจ

อนึ่ง บทเรียนสำคัญที่สุดที่แฮร์ริสเรียนรู้จากแมนเดลา คือ ความหวังนั้นไม่เพียงพอ “พวกเราต้องการความเชื่ออย่างลึกซึ้งว่า แม้อนาคตจะเลวร้ายกว่าปัจจุบัน แต่เราก็ยังต้องสู้ต่อไป ทำในสิ่งที่ต้องทำต่อไป และเมื่อเราอดทน นั่นจะทำให้เราก้าวต่อไปได้มาก” แฮร์ริส กล่าวทิ้งท้าย.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP