หลังจากที่ไม่แพ้ใครใน 10 นัดแรก อีก 5 นัดต่อมา สเปอร์ส ไม่ชนะใครเลย

จนกระทั่งนัดล่าสุดที่พวกเขาเปิดรังชนะ นิวคาสเซิล 4-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ใน 5 นัดที่ไม่ชนะ สเปอร์ส ยิงนำคู่แข่งได้ทุกนัด แต่แพ้ไป 4 เสมอ 1 เก็บได้แต้มเดียว

เหตุผลคือไม่เด็ดขาด ทำประตูแรกได้ แล้วประตูที่ 2 ไม่ตามมา จนถูกตีเสมอหรือแซงนำตลอด

สเปอร์ส ยุคใหม่ของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู เป็นบอลเดินหน้าบุกแหลก ไม่ว่าในสถานการณ์ไหน

เกมแพ้ เชลซี 1-4 พวกเขาเหลือผู้เล่น 9 คน แอนจ์ ยังไม่ให้ลงไปอุด สั่งให้ลูกทีมดันไลน์สูง หวังทำเกมรุก

เป็นสาเหตุที่พวกเขามักได้ประตูขึ้นนำก่อน เพราะลุยแหลกตั้งแต่นาทีแรก

แต่ 5 เกมก่อนหน้านี้ ปัญหาคือประตูที่ 2 ไม่มา สุดท้ายก็กดดันตัวเอง และเสียประตูง่ายๆ

พอเกมกับ นิวคาสเซิล ทำประตูที่ 2 ได้ตั้งแต่ครึ่งแรก ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป และกลับมาชนะอีกครั้ง

บิ๊กแอนจ์

แต่ถามว่า สเปอร์ส กลับมาคืนฟอร์มยอดเยี่ยมเหมือนช่วง 10 เกมแรกแล้วหรือ?

ให้ตอบจริงๆ คงต้องบอกว่า ยังตอบไม่ได้ ต้องรอดูกันต่อไป

แต่ถ้าถามว่ามีแนวโน้มอย่างไร บอกได้เลยว่า ไม่มีอะไรรับประกันว่าพวกเขาจะฟอร์มดีแบบต่อเนื่อง

เรื่องรูปแบบการเล่น ทีมเวิร์ค ความมุ่งมั่น ทัศนะคติ ไม่ใช่ปัญหาของ สเปอร์ส ชุดนี้

กุนซือออสซี สร้างทีมได้อย่างยอดเยี่ยม และรวดเร็วเหลือเชื่อ

ปัญหาคือคุณภาพนักเตะที่ตัวจริงกับสำรองอาจยังทดแทนกันไม่ได้

เกมกับ นิวคาสเซิล แอนจ์ อาจปรับทีมได้ดี หมุนเวียนผู้เล่นได้ลงล็อก จนได้ผลการแข่งขันที่ดี

แต่เกมต่อไป ถึงใช้ชุดนี้ต่อ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเหมือนเดิม

ถ้าจะชนะ พวกเขาต้องยิงประตูทิ้งห่าง 2-3 ลูกขึ้นไป ไม่งั้นก็มีสิทธิโดนตลอด

นั่นเพราะคุณภาพตัวผู้เล่นยังไม่เสถียร ยังไว้ใจไม่ได้เหมือนตอนที่พวกตัวหลักยังไม่เจ็บ

ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ไก่เดือยทอง จะต้องเสียตัวหลักอย่าง ซน ฮึง มิน, อีฟส์ บิสซูมา และปาป ซาร์ ไปเล่นทีมชาติ ในช่วงปีใหม่

แอนจ์ จึงมีปัญหาปวดหัวมากขึ้นแน่นอน

จนกว่าพวกตัวหลักอย่าง มิคกี ฟาน เดอ เฟน, โรดริโก เบนตานกูร์, เจมส์ แมดดิสัน จะหายเจ็บหมด ขณะที่พวกไปเล่นทีมชาติก็กลับมาพร้อมหน้า

ตอนนั้นแหละที่ สเปอร์ส จะมีทีมที่ดีที่สุด และอาจจะกลับมาแล้วจริงๆ

ส่วนตอนนี้ก็ลุ้นกันแบบนัดต่อนัดกันต่อไป