แม้จะขึ้นชื่อว่า “ศึกวันแดงเดือด” แต่ช่วงหลัง การเจอกันของ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ค่อยเดือดสมชื่อ โดยเฉพาะใน 2 ฤดูกาลล่าสุด

            เพราะมีเกมที่ถล่มกันขาดถึง 3 จาก 4 เกมหลัง และเป็น “หงส์แดง” ที่ชนะ แม้ว่าฤดูกาลที่แล้ว “ผีแดง” จะเฉือนได้ ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ตาม

            ศึกใหญ่ที่แอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์นี้ (17 ธ.ค. 66) นักวิเคราะห์หลายคนจึงพากันฟันธงว่าอาจจะเป็นอีกครั้งที่แดงเดือดไม่เดือด

            ยิ่งช่วงหลัง ฟอร์มของลูกทีม เอริค เทน ฮาก ถือว่าตกต่ำขั้นสุด ตกรอบทั้งบอลยุโรป ในลีกก็ทำท่าจะหมดลุ้นแต่เช้า จนลือหนาหูว่า นี่อาจเป็นเกมสุดท้ายของกุนซือดัตช์ก็ได้

            แถมพอไปเปิดสถิติของ เจอร์เกน คลอปป์ ปรากฏว่า เคยทำกุนซือโดนไล่ออกมาแล้วถึง 6 คน นับตั้งแต่มาคุมลิเวอร์พูล เมื่อปี 2015

            หนึ่งในนั้นชื่อ โฮเซ มูรินโญ ที่โดนตะเพิดหลังพาผีแดงแพ้หงส์แดง 1-3 เมื่อธันวาคม 2018

            เอริค เทน ฮาก จึงมีทางเลือกเดียวคือต้องนำทีมทำผลงานให้ดีในเกมนี้ ถ้าเป็นอย่างอื่น บอกเลยว่าอยู่ยาก

            แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่า “แดงเดือด” อะไรก็เกิดขึ้นได้ และทีมที่เข้าตาจนก็อาจจะสร้างเซอร์ไพร้ส์อะไรที่เราไม่คาดคิดก็ได้

            ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

            ลิเวอร์พูล – แมนฯ ยูไนเต็ด

            วันที่ : อาทิตย์ที่ 17 ธ.ค. 66

            เวลา : 23.30 น.

            สนาม : แอนฟิลด์

            ถ่ายทอดสด : ทรู พรีเมียร์ 1

            ลิเวอร์พูล

            “หงส์แดง” จัดชุดสำรองไปเยือน แซงต์ กิลลัว ในเกมยูโรป้า ลีก เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่เกมลีกฟอร์มเยี่ยม ชนะมา 3 นัดติดต่อกัน สัปดาห์ก่อนบุกเฉือน คริสตัล พาเลซ 2-1 ทำให้ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงหลังผ่านไป 16 เกม โดยมี 37 คะแนน มากกว่า อาร์เซนอล 1 คะแนน

            เจอร์เกน คลอปป์ เตรียมส่งชุดใหญ่กลับมาลุยแน่ แต่ยังไม่มีพวกที่เจ็บอย่าง โจเอล มาติป, ติอาโก อัลคันตารา, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ดีโอโก โชตา, สเตฟาน บายเซติช และต้องเช็ก อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ แต่ที่เหลือพร้อมลุย ผู้รักษาประตูเป็น อลิสซง เบคเกอร์ เหมือนเดิม

            กองใช้ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อิบราฮิมา โกนาเต ยืนเซ็นเตอร์ โดยมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์ดนลด์ กับ คอสตาส ซิมิคาส เป็นแบ๊ก 2 ข้าง แดนกลาง วาตารุ เอ็นโด น่าจะได้ลุยต่อ ร่วมกับ โดมินิก โซโบซไล และ ฮาวีย์ เอลเลียต ที่มักจะทำได้ดีในเกมกับผีแดง ส่วน 3 ประสานแดนหน้าใช้ โม ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ

            แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

            “ผีแดง” ฟอร์มย่ำแย่ในช่วงหลัง กลางสัปดาห์ เพิ่งแพ้คาบ้านต่อ บาเยิร์น มิวนิก ทำให้ตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และไม่ได้ไปเล่นแม้แต่ยูโรป้า ลีก ส่วนในลีกสัปดาห์ก่อนก็โดน บอร์นมัธ บุกมาถล่ม 3-0 ทำให้แพ้ถึง 3 จาก 4 เกมหลังสุด และชนะ 1 จาก 5 เกมหลัง มี 27 คะแนน จาก 16 เกม อยู่ที่ 6 ตามหลัง ลิเวอร์พูล ถึง 10 คะแนน

            เอริค เทน ฮาก ที่กำลังกดดันหนัก หมดสิทธิใช้งานนักเตะหลายคน โดยเฉพาะ บรูโน แฟร์นันด์ส กัปตันทีม ที่โดนแบนพอดี ขณะที่ ไทเรลล์ มาลาเซีย, คาเซมิโร, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, คริสเตียน อีริคเซน ก็ยังเจ็บ ขณะที่ อองโตเนียล มาร์กซิลยาล ป่วย ยิ่งกว่านั้น ลุค ชอว์ กับ แฮร์รี แม็คไกวร์ ก็มาเดี้ยงในเกมกับเสือใต้ แต่อาจจะได้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เมสัน เมาท์ หายเจ็บ

            นายทวารใช้ อังเดร โอนานา กองหลังมี ราฟาเอล วาราน ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ จอนนี อีแวนส์ แล้วใช้ อารอน วาน บิสซากา เป็นแบ๊กขวา ส่วน ดีโอโก ดาโลต์ ขยับไปแบ๊กซ้าย แดนกลางจัด ค็อบบี ไมนู ทำเกมกับ โซฟิยาน อัมราบัต ส่วนเกมรุกใช้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ขึ้นมาเล่นสูงร่วมกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ แอนโธนี พร้อมใส่ ราสมุส ฮอยลุนด์ เป็นหน้าเป้า

            ความน่าจะเป็นของเกม

            ถ้าไม่นับเกมที่บ้านเรา ซึ่งผีแดงชนะ 4-0 ที่ราชมังฯ ในลีกช่วงหลัง ลิเวอร์พูล ชนะ 4 จาก 5 เกม แถมสกอร์ค่อนข้างขาด ฤดูกาลก่อนที่แอนฟิลด์ ดาหน้าถล่มถึง 7-0 เกมนี้จึงถือว่างานหนักจริงๆสำหรับ เทน ฮาก เพราะลูกทีมก็เจ็บเยอะ และฟอร์มตก ไม่รู้จะเอาแผนไหนมาต้านเจ้าถิ่น ที่มั่นใจ

            ลิเวอร์พูล น่าจะเปิดเกมรุกใส่ตามสไตล์ โดย แมนฯ ยูไนเต็ด รับแล้วรอโต้ ความหวังจะมีแต้มของทีมเยือนจึงต้องเหนียวสุดๆ ห้ามเสียเร็วเด็ดขาดไม่งั้นอาจเละ จากนั้นก็หวังใช้ความสามารถเฉพาะตัวผู้เล่นเกมรุกใช้จังหวะฉาบฉวยลุ้นสกอร์ แต่ดูโดยรวมแล้ว ต้องยอมรับว่า นาทีนี้ ห่างกันชัดเจน ยิ่งในบ้านอีก อย่าหวังว่า เจอร์เกน คลอปป์ และลูกทีมจะปรานี ลิเวอร์พูล จึงมีโอกาสชนะแบบไม่ยาก

            ผลที่คาด

            ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1