2 วาทะของ 2 กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในทีมช้างศึกยุคนี้ได้อย่างดี

โค้ชคนใหม่ มาซาทาดะ อิชิอิ เคยบอกก่อนเข้าคุมทัพว่า ทำงานในไทยมา 3 ปี พูดได้เลยว่า นักกีฬาไม่ให้ความสำคัญกับทีมชาติ ถูกเรียกไปติด ก็ไม่ไป

ส่วนโค้ชคนเก่า มาโน โพลกิง แม้ไม่ได้พูดตรๆ แต่เขาก็ย้ำเสมอว่า ยามที่เรียกนักเตะทีมชาติไทย เข้าสู่ทีมชาติ เขาต้องการการสนับสนุนจากสโมสรแบบ 100 เปอร์เซ็นต์

มาโน ไม่ได้บอกว่าที่ผ่านมา เขาได้รับการสนับสนุนแค่ไหน…กี่เปอร์เซ็นต์ แต่คุณคิดว่ากี่เปอร์เซ็นต์ล่ะ

กุนซือบราซิลเลียน เริ่มต้นปีด้วยการสานต่อพาทีมชาติไทย คว้าแชมป์อาเซียน สมัยที่ 2 ติดต่อกัน

ความร่วมมือของ 3 สโมสร

แต่จากนั้น ช้างศึกดูซึมๆ อุ่นเครื่องแพ้ซีเรีย กับ ยูเออี แล้วอุ่นเครื่องเสมอ ไต้หวัน กับบุกชนะ สิงคโปร์

จะด้วย “ตั้งใจ” หรือ “ฝากเลี้ยง” ก็ไม่ทราบได้ เนวิน ชิดชอบ ประธานบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่ง มาซาทาดะ อิชิอิ มาให้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ตั้งเป็นประธานเทคนิคทีมชาติไทย ตำแหน่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เริ่มงานในคิงส์คัพที่เชียงใหม่

อิชิอิ ในคิงส์คัพ

ไม่ต้องเป็นคนคิดมาก ก็คิดได้ว่า อิชิอิ มาจ่อคอหอย มาโน เตรียมเสียบแทนในอนาคตอันใกล้ ว่ากันว่า ทริปต่อไปทัวร์ยุโรป อิชิอิ คุมทีมแน่นอน นั่นทำให้เกิดบรรยากาศมาคุในทีมชาติไทยชุดคิงส์คัพ มาโน ก็มึนตึง ส่วน อิชิอิ กลายเป็น “อะไรเอ่ยไม่เข้าพวก”

แม้ไม้ได้แชมป์ แต่ มาโน ทำได้น่าพอใจกับตำแหน่งรองแชมป์ แพ้จุดโทษ อิรัก ในรอบชิงฯ

แข่งจบ ยังไม่ทันคูลดาวน์ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน โพสต์ทันที ตนเองและทีมสนับสนุน มาโน กระแสเททันที และจากนั้น มาดามแป้ง ที่เคยไม่ชัดเจนในเรื่องอนาคตโค้ชทีมชาติไทย ก็มาชัดเจนว่า มาโน คุมต่อ

ซึ่งหลายคนมองว่า “ไม่กล้าสวนกระแส”

มาโน พาทีมไปยุโรป เกิดแผลรอยใหญ่ หลายสโมสรไม่ปล่อย ชุดที่ไปส่วนใหญ่ไม่ใช่ตัวเลือกแรก

ก่อนหน้า มีข่าวหลุดมาว่า ผู้ยิ่งใหญ่ทุบโต๊ะกลางที่ประชุมไทยลีก “ไม่ปล่อย”

ถ้าอย่างนั้นจริง คง “ไม่แปลก” ที่สโมสรอื่นๆ จะไม่ปล่อยบ้าง ในแบบสไตล์ไทย ไม่มีใครยอมเสียเปรียบใคร อยู่กันแบบดิ้นรน มือใครยาว ต้องสาวใส่ตัว

แพ้ จอร์เจีย ยับเยิน

ผลนัดแรก โดน จอร์เจีย ล่อเป้า 0-8 เกิดการ “ด่ายับ” แบบ “เต็มปาก” ไปยังสโมสร เพราะผลมันชัดเจน พอๆกับ ข้อสงสัย “ฟีฟ่าเดย์” มีไว้ทำไม(สำหรับทีมไทย)

แม้จะพอกู้หน้า เสมอ เอสโตเนีย แต่ไม่ได้ช่วยอะไรนัก สำหรับแฟนบอลไทย จากที่เคยหยุดที่ “แค่สงสัย” แต่ตอนนี้กลับเป็น “เชื่อไปแล้ว” ว่าสโมสรไม่ช่วยทีมชาติ และศรัทธามันสั่นคลอน

ขณะเดียวกัน ตัดกลับไปที่ อิชิอิ เขาสัมภาษณ์รายการ “คิดไซด์โค้ง” แบบซัดตรงๆ “โดนหลอกให้มาจ่อรอเป็นโค้ชใหญ่ทีมไทย” โดยบอกว่าจะตั้งหลังคิงส์คัพ แต่ก็ไม่ตั้ง

และอย่างที่กล่าวข้างต้น เขาวิจารณ์ว่า นักบอลไทย “ไม่ค่อยอยากเล่นให้ทีมชาติไทย”

อิชิอิ คุมทีมชาติไทย

ทีมชาติไทย ไม่ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับองคาพยพบอลไทย

แม้จะอัดแบบตรงๆ ที่สุดท้าย เส้นทางของ อิชิอิ ก็หวนคืนสู่ทีมชาติไทยจนได้ หลังจาก มาโน โพลกิง เปิดหัวงานใหญ่ คัดบอลโลก ด้วยการแพ้ จีน คาบ้าน 1-2 ซึ่งนับเป็นเกมสำคัญต่อการเข้ารอบ ดังนั้น ชัยชนะนัดต่อมา ที่บุกอัด สิงคโปร์ จึงไม่ช่วยอะไร

มาโน โพลกิง สุดท้ายก็ต้องไป

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เซ็นสัญญา กับ มาซาทาดะ อิชิอิ ซึ่งเขาคือโค้ชช้างศึกคนสุดท้าย ในยุคการ บริหารของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง

หลังจาก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ แถลงข่าวยืนยัน ลงชิงนายกบอลไทยแน่นอน ทาง บิ๊กอ๊อด บอกว่า เขาโล่งใจ และตัดสินใจขั้นเด็ดขาดว่า “ผมพอแล้ว” ปิดช่วงเวลาทำงานที่ 8 ปี

การเลือกตั้งจะมีวันที่ 8 ก.พ.67 ทีมมาดามแป้ง ระดมสรรพกำลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, เมืองทอง ยูไนเต็ด และผู้ยิ่งใหญ่สายต่างๆ

ทีมมาดามแป้ง มาแบบ ฟูลพาวเวอร์

ถ้าพันธมิตรไม่แตกไปก่อน จะไม่มีอะไรพลิกล็อก ทีมอื่นๆ “พอลลีน” พยุริน งามพริ้ง, วรงค์ ทิวทัศน์, ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ หรือแม้แต่ “อ๋อวังโอ่ง” คมกฤช นภาลัย สื่อรุ่นเก๋า จะแค่สร้างสีสัน เป็นผู้ประกอบฉาก

เลือกตั้งบอลไทย มีแค่ 73 เสียงที่โหวต ดังนั้น “บารมี” คือปัจจัยสำคัญ กับการลงคะแนน ส่วนนโยบายส่วนรวมเป็นแค่เฟอร์นิเจอร์

มาดามแป้ง จะขึ้นมาเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลคนใหม่ ท่ามกลางแรงสนับสนุนของยักษ์ใหญ่ด้านหลัง

แต่คำถามคือ กับทีมชาติไทย จะแก้ปัญหาเรื่องการสนับสนุนนักเตะให้ได้จริงหรือไม่

ไม่มีใครมั่นใจเลย

ว่าที่นายกบอลไทย

แต่ไฟท์แรก ก็มีปัญหา เรียกนักเตะไปอุ่นเครื่องทีมระดับโลกอย่าง ญี่ปุ่น ยังกราบกรานขอตัว

เข้าทำนอง “ไหว้หล่ะช่วยทีมชาติไทยหน่อยเถอะ”

เบื้องลึกอย่างไรไม่รู้ แต่รู้ๆ คือแฟนบอลกังขาไปแล้ว ไม่มั่นใจไปแล้ว ในความร่วมมือของท่านๆ

ตอนนี้มีเสียงด่า แต่ยังไม่มาก ถ้าอุ่นเครื่อง 1 ม.ค.67 ที่สนามกีฬาแห่งชาติโตเกียว ถ้าเล่นดี ก็ลืมๆไป แต่โดนยำมาเละๆ ฝันร้ายเหมือนการทัวร์ยุโรปจะกลับมาอีก

และจะเป็นความสั่นคลอนก่อนศึกใหญ่เอเชียนคัพ ที่กาตาร์

รอบแรกของไทย 16 ม.ค. เจอ คีร์กีซสถาน, 21 ม.ค. พบ โอมาน และ 25 ม.ค. เจอ ซาอุดิอาระเบีย

ไม่ต้องถามว่ายากไหม มันยากอยู่แล้ว แต่ระบบอันดับ 3 ยังมีลุ้นเข้ารอบ โอกาสก็ไม่ตีบตัน

เป้าหมาย ยังไงไปรอบน็อกเอาท์ให้ได้ก่อน

อิชิอิ เริ่มงาน

ต่อด้วยคัดฟุตบอลโลก 4 นัดที่้เหลือ เดือน มี.ค. วันที่ 21 มี.ค. กับ 26 มี.ค. เยือน และเหย้ากับ เกาหลีใต้ จากนั้นเดือน มิ.ย. เกมชี้ชะตา ล็อกวันไว้ดีๆ 6 มิ.ย. บุกจีน ที่ต้องชนะ ก่อนมาปิดจ๊อบเจอสิงคโปร์ในบ้าน วันที่ 11 มิ.ย.

ด้านทีมน้อง “ช้างศึกหนุ่ม” ทีม 23 ปี ที่คุมโดย “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร ก็มีงานใหญ่ ล่าฝันโอลิมปิก 2024 ที่เคยเป็นเมกะโปรเจ็คต์ของสมาคมฯ แต่อาจจะถูกลืมไปแล้วมั้ง

ศึก 23 ปี ชิงแชมป์เอเชียที่กาตาร์ คัดทีมไปโอลิมปิกเกมส์ รอบแรก วันที่ 16 เม.ย. ไทย พบ อิรัก, 19 เม.ย. พบ ซาอุฯ และ 22 เม.ย. พบ ทาจิกิสถาน

ดูจากจำนวนทีม การคัดไปโอลิมปิก แค่ 3 ทีมครึ่ง อาจยากกว่าฟุตบอลโลก แต่มาดูวิธีการ “ง่ายกว่าเยอะ” เพราะเตะทัวร์นาเมนท์ ผ่านรอบแรกได้ หากรอบ 8 ทีมผีเข้า ชนะอีกนัด ก็แทบได้เฮแล้ว

ตัวผู้เล่นช้างศึกหนุ่มก็ไม่ธรรมดา แต่ปัญหา เหมือนกับทีมชุดใหญ่

อิสสระ ศรีทะโร โค้ชทีม 23 ปี

ขนาดฟีฟ่าเดย์ยังไม่ค่อยปล่อย แล้วเดือน เม.ย.ไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ จะปล่อยตัวมาแค่ไหน

ฟังจากตอนนี้ เหมือนไม่มีอะไรการันตี แค่หวังกันว่า รายการใหญ่แบบนี้ สโมสรจะช่วยกัน

เข้าสไตล์ไทยๆ ทีมชาติไม่ได้ศักดิสิทธิ์ ไม่ได้สำคัญ อยากได้ก็ลองวันทา ไหว้วานขอร้องกันมา จะลองคิดดูให้…(แต่ก็ถามกลับ ทีมโน้นปล่อยหรือเปล่า)

ไม่ว่าชุดเล็กชุดใหญ่ บอลไทยไม่เหมือนทั่วโลกที่โค้ชอยากได้ใคร ประกาศปั้ง ธงของสโมสรคือต้องปล่อย แฮปปี้หรือไม่ อีกเรื่อง..แต่สำหรับไทย โค้ชติ๊กชื่อ แล้วผู้จัดการทีมไปขอส่วนบุญจากสโมสรเพื่อทีมชาติไทยอีกที

ให้ไม่ให้แล้วแต่จะโปรด

ต่างคนต่างเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทีมชาติเดี๋ยวว่ากัน น้ำจะท่วมเมือง แทนที่จะช่วยกันสร้างเขื่อน ดันต่างคนต่างสนแต่เอาถุงทรายกั้นหน้าบ้าน

ไม่ได้ดูความจริง ตอนนี้มาตรฐานบอลไทยอยู่ตรงไหน ว่ากันตรงๆ ไม่ได้ดีเด่ แค่อาเซียนยังโดน เวียดนาม แซง แล้วพอแข่งกันที ยังเล่นแง่ ไม่สนใจ

เกมดีๆ ทีมคุณภาพ มาให้ทดลอง ก็ยักไหล่ อย่างกับทีมไทยเก่งเต็มที แบบนี้เรียก “แอ็คต์เกินฝีมือ”

พึงระวังให้ดี สโมสรจะดีอย่างไร แต่ถ้าภาพรวมทีมชาติไทยตกต่ำ ซ้ำเติมหัวใจ ศรัทธาหดหาย ไม่มีทางที่สโมสรจะดีไปได้

ช้างศึกจะลุยเอเชียนคัพอีกครั้ง

แม้ฟ้าจะเปลี่ยน จะมีผู้บริหารบอลไทยยุคใหม่ แต่ในสไตล์ “ว่าที่นายก” ไม่ใช้ “พระเดช” แต่เน้น “พระคุณ” กลัว “บัวช้ำน้ำขุ่น” กลัวใครเค้าจะโกรธ

จากที่ไม่มีอะไรยึดโยง ต่างคนต่างทำงาน ทีนี้มาร่วมทีมเดียวกัน ต้องช่วยๆ กัน ความ “เกรงใจ” จะยิ่งมากขึ้นหรือไม่

และความเกรงใจที่ “ส่งให้” จะได้รับกลับมาเท่าที่ “ส่งไป” หรือไม่

วังวนทีมชาติไทย กับสไตล์ที่คนด่า แฟนบอลเบ้หน้า ยังน่าหวาดผวาจะไม่จบสิ้น

“พูดดี พูดเก่ง” บอกตรงๆ ว่า เขาเหม็นขี้ปากกันหมดแล้ว วัดกันที่การกระทำดีกว่า

ศรัทธา ตกต่ำลงทุกที ถ้ายังไม่ยี่หระ ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง เรื่องเสียสละมาทีหลัง รอคนอื่นเสียสละก่อน

บอลไทยก็จะไม่ไปไหน

จะเปลี่ยนศักราชใหม่ เปลี่ยนผู้บริหาร เปลี่ยนฟ้าใหม่ สุดท้ายก็เหมือนเดิม

เมื่อบทเรียนราคาแพงก็เพิ่งจ่ายไปไม่นาน จึงขอกระตุกแรงๆ ก่อนเริ่มศักราชใหม่แบบนี้ เป็นการเตือนสติกัน.

*** วุฒินล ***