กระบวนการแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาล กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังรัฐบาลได้เปิดให้ลงทะเบียนและเข้าสู่กระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้

มาวันนี้!! รัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทย ได้ดีเดย์คิ๊กออฟ เปิด “ตลาดนัดแก้หนี้” ไปเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับกำหนดให้จัดย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ในวันเสาร์หรืออาทิตย์ที่ 2 ของเดือน ที่ทำการกรมการปกครองจังหวัด ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่เหมาะสม

ยอดลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบในช่วง กว่า 1 เดือน จนถึงวันที่ 12 ม.ค.67 มีคนมาลงทะเบียนแล้วกว่า 1.2 แสนราย มีมูลหนี้ กว่า 8,000 ล้านบาท แม้ตัวเลขที่นายกฯเศรษฐา เคยให้ข้อมูลอยู่ที่กว่า 50,000 ล้านบาท และในความเป็นจริงจะมีมากกว่าก็ตาม!!

ในจำนวนลูกหนี้กว่า 1 แสนราย ที่เข้ามาลงทะเบียนนี้ พบว่ามีการไกล่เกลี่ยสำเร็จกันไปแล้วเกือบ 1,000 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 1% 

เรื่องของ “หนี้นอกระบบ” มีมานาน หรืออย่างน้อยก็กว่า 22 ปี ที่ทำให้พี่น้องคนไทยที่มีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ต้องทนทุกข์ ต้องตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ อยู่ในวังวน แบบไม่จบไม่สิ้น ทั้งที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเกินเงินต้นไปหลายรอบแล้วด้วยซ้ำ!! จนหลายบ้านหลายครัวเรือนต้องยอมแลกด้วยชีวิต

การจัดตลาดนัดแก้หนี้ ถือว่าเป็นการเปิดพื้นที่ ให้บรรดาลูกหนี้ เจ้าหนี้ เปิดหน้ามาพูดจาหาทางแก้หนี้ร่วมกัน อย่างน้อยถ้าสามารถเจรจาร่วมกันได้ ก็ย่อมส่งผลดีต่อทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้

ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารของรัฐ ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ต่างก็มาตั้งโต๊ะ ออกบูท ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน ควบคู่ไปกับการ เพิ่มความสามารถให้กับลูกหนี้ โดยมีตำแหน่งงานว่าง หรือการลงทะเบียนหางาน หรืองานที่รับไปทำที่บ้านได้

นอกจากนี้… ยังมีการให้คำแนะนำทางด้านกฎหมาย ที่ลูกหนี้ควรพึงรู้ เพื่อปกป้องสิทธิ ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อหรือตกเป็นทาสเงินของเจ้าหนี้นอกระบบไปตลอดชีวิต

Free photo serious young businessman looking at financial report seem like

แน่นอนว่า ในเวลานี้ใคร ๆ ก็บ่นว่า ชักหน้าไม่ถึงหลังกันทั้งนั้น ทำมาหาได้แต่ละเดือนก็ไม่พอกับราย ข้าวของก็แพงขึ้นทุกอย่าง ต้นทุนชีวิตสูงขึ้นแบบไม่เคยเป็นมาก่อน 

คนที่มีสายป่านยาว คนที่ฉวยโอกาสเป็น ก็มีโอกาสรอด!! สูง แต่คนที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่มีโอกาส หรือหาโอกาสไม่เจน ก็ต้องใช้ชีวิตแบบสุ่มเสี่ยง 

ล่าสุด…ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ บอกว่า คนที่มีรายได้น้อยก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามปัญหาด้านการเงินได้ แถมยังยังต้องเผชิญไปอีกนาน และยังมีแนวโน้มการเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… คนที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาท เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ไม่พอจ่าย แถมยังมีหนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว แล้วก็พร้อมที่จะไปกู้หนี้นอกระบบเพื่อมาโปะหนี้ก้อนเก่าที่มีอยู่

ที่สำคัญ!! คนกลุ่มนี้ยังไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน เพราะแต่ละวันก็มีเงินไม่พอใช้อยู่แล้ว ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาออม หรืออยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน ด้วยเหตุนี้หากเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมา ย่อมทำอะไรไม่ได้ นอกจากไปพึ่งเงินกู้ 

Free photo businessman saving money

คนเหล่านี้มองว่า ทุกวันนี้ ในการหารายได้มาเลี้ยงชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้น แถมยังจ่อเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้น แบบชนิดที่เรียกว่าในช่วงปีนี้แย่ลงกว่าดีขึ้นแน่ ๆ แถมยังเชื่อว่าปัญหาเรื่องรายได้ไม่พอจ่าย ก็ยังคงเป็นไปอย่างนี้นานต่อไปอีกถึง 3 ปีทีเดียว

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย หากคนที่ชักหน้าไม่ถึงหลังเหล่านี้…จะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเติมเงินให้ในทุกช่องทาง รวมไปถึงการเพิ่มภูมิคุ้มกัน การเพิ่มโอกาสในการหารายได้ เพื่อไม่ให้กลับกลายมาเป็นหนี้สินอีก

นั่น!! ก็หมายรวมไปถึงการแก้หนี้ด้วย เพราะหากหนี้ลดลงไปได้ ก็เท่ากับว่าเป็นการช่วยต่อลมหายใจให้ยาวมากขึ้น แต่การต่อลมหายใจก็ต้องเป็นไปอย่างมีศักยภาพ

อย่างที่รู้กัน ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แต่ในเมื่อรายได้ไม่พอ หันไปหาใครก็ไม่ได้ หรือแม้แต่แบงด์พาณิชย์ หรือแบงก์ของรัฐ ที่ก็มีเงื่อนไข ที่เข้าไม่ถึง

แม้ทุกรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของการแก้หนี้ไม่ว่าจะเป็นในระบบหรือนอกระบบ แม้เป็นเรื่องที่ดี เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ผู้บริหารประเทศต้องทำ 

แต่การแก้ปัญหา ก็ต้องทำให้ครบลูป ทำให้ได้ทั้งระบบ แก้หนี้แล้ว ก็ต้องหาโอกาสให้คนเหล่านี้สามารถเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองให้ได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับไปวังวนเดิม ๆ 

ขณะเดียวกัน การแก้หนี้ ใช่จะขึ้นอยู่กับรัฐบาลเท่านั้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับลูกหนี้ด้วย หากทุกคนรู้จักคำว่า “พอเพียง” ก็ย่อมไม่มี “หนี้”!!

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”