มันสาแก่ใจยิ่งนัก” ไม่ต้องเอ่ยชื่อคนในข่าวก็รู้ เพราะสังคมไทยถูกฉีดยา “โอเวอร์โดส” มาต่อเนื่องยาวนาน บ้าคลั่ง “คนดีย์” เป็นช่องโหว่ให้พวกฉวยโอกาสใส่เสื้อคลุมความดีใช้กำลังตามอำเภอใจ ปล้นอำนาจปราบปราม ประชาชน กอบโกยผลประโยชน์ใส่ตัว กลายเป็น “กับดักความดี” มัดตราสังประเทศชาติแทบดิ้นไม่หลุด วงจรอุบาทว์ ปฏิวัติรัฐประหารกว่า 20 ครั้ง ก็มาจากพวกคุณธรรมจอมปลอมเหล่านี้แหละ

พาดหัวข่าวสุดร้อน เมื่อ 3 ป. (ที่ไม่ใช่ 3 ลุง) คือ ตำรวจ บก.ปปป. ... และ ป... ปฏิบัติการสายฟ้าแลบบุกจับกุมนักร้องดังแห่งยุคนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน พร้อมซองใส่เงิน 5 แสนแขวนไว้หน้าบ้านลำลูกกา ปทุมธานี จนนักร้องดังต้องโยนถุงเงินทิ้งให้พ้นตัว นอกจากพี่ศรีแล้ว ยังมี เจ๋ง ดอกจิก หรือ นายยศวริศ ชูกล่อม ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ ที่เพิ่งถูกปลดพ้นที่ปรึกษารองนายกฯ และ รมว.พลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รวมทั้ง ..พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัครพรรค รทสช. ทั้งพี่ศรี ทั้งเจ๋ง ดอกจิก อยู่องค์กรที่ชื่อ รักชาติ ทั้งนั้น

อย่างที่รู้ปฏิบัติการบุกจับนักร้องดังกับคณะครั้งนี้ เพราะถูกอธิบดีกรมการข้าว นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ กับภรรยา แจ้งความให้ดำเนินคดีข้อหา “ตบทรัพย์” เรียก 3 ล้าน แต่เจรจาลดเหลือ 1.5 ล้าน แลกกับการหยุดร้องเรียนทุจริตในกรมการข้าวต่อสภา แต่กลับถูกซ้อนแผน โดนอัดเทประหว่างเจรจาและถ่ายคลิปไว้

ขณะนายศรีสุวรรณกับพวก ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โวยวายถูกกลั่นแกล้งเพราะไปเหยียบตาปลาผู้มีอำนาจ โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยัน ยังมีตัวใหญ่กว่านี้ บางกรณีตบทรัพย์เป็นร้อยล้าน ทำเป็นขบวนการ เอกสารทีมหนึ่ง เจรจาเรียกเงินทีมหนึ่ง ทวงถามเงินและคนรับเงินอีกทีม จึงมั่นใจในพยานหลักฐาน ก็ดูกันต่อไปจะกระชากโจรตบทรัพย์มาลงโทษตามราคาคุยได้แค่ไหน

แต่ใด ๆ คือ แม้คดียังไม่สิ้นสุด เครดิตนักร้องดังพี่ศรี ก็เสียหายหนักมาก หลายคนปักใจเชื่อไปแล้วว่า มีการตบทรัพย์จริง เพียงแต่จับไม่ได้คาหนังคาเขา ยิ่งย้อนดูพฤติกรรมของพี่ศรีที่ผ่านมา สร้างความศรัทธาเชื่อถือได้แค่ไหน ไม่ต้องอื่นไกล ดูตอนถูก “ลุง” โดดชกหน้าแล้วคนเฮยกลุงเป็น “ฮีโร่” คงบอกอะไรได้ไม่มากก็น้อย

นักร้องดังคนอื่น ๆ ที่ยังรับ “จ๊อบ” อยู่ แล้วอ้างตัวทำความดี เพื่อชาติ จนผู้คนตั้งคำถามและสงสัยในเจตนาตลอดมานั้น ประชาชนก็คอยดูอยู่ว่า เมื่อไหร่ “หน้ากากแก้ว” จะถูกทุบแตกละเอียดบ้างเท่านั้นเอง

ก่อนจบวกมาดู “นิด้าโพล” ล่าสุด ไปสำรวจความเห็นประชาชนว่าด้วย วิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดการถกเถียงอย่างรุนแรงระหว่างพรรคเพื่อไทยกับบรรดาองค์กรอิสระ ที่ทำตัวเป็น “รัฐอิสระ” ในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏว่า 63. 51% เจอวิกฤติในระดับที่ต้องแก้ไขด่วน 20.15% เจอวิกฤติระดับที่ต้องแก้ แต่ไม่เร่งด่วน 10.08% เจอวิกฤติไม่น่าวิตก 5.65% ไม่เจอวิกฤติเลย 0.6% ไม่ตอบ สรุป มีถึง 83% ที่บอกว่า เจอเศรษฐกิจวิกฤติ นิด้าโพล ยังถามว่า หากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตล้ม จะโกรธมั้ย ผลคือ ไม่โกรธ 75% แต่โกรธมาก 25% ก็เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องเอาไปคิดต่อ

แต่ผลนิด้าโพลทำให้เรามั่นใจที่เคยเขียนหลายครั้งว่า องค์กรอิสระอยู่คนละโลกกับคนเดินดินกินข้าวแกงนั้น ไม่เกินจริง พวกนี้เงินเดือนสูง ๆ ขี้หมูขี้หมาเดือนละ 2 แสน มีบำนาญ มีสวัสดิการดีเยี่ยม นายพลมีบ้านหลวงอยู่ รถประจำตำแหน่ง 2 คัน สว.ลากตั้งอยู่รากงอก 5 ปี รับเดือนละ 2 แสน ไม่แปลกที่ไม่เดือดร้อน เงิน 1 หมื่น ซื้อไวน์ดี ๆ ขวดเดียวยังไม่ได้เลย จะต่อต้าน “นโยบายแจกเงินดิจิทัล” สุดตัวก็ไม่แปลก ทั้งที่จะว่าไป เพื่อไทย ความนิยมลดไปเยอะ หลังตระบัดสัตย์สลับขั้ว แต่พอเจอแรงต้านจากรัฐอิสระที่ยังไม่สลัดวิญญาณรับใช้เผด็จการเก่าทิ้ง ความเห็นใจเพื่อไทยก็เทกลับมา ประชาชนรอดูว่า หน้ากากแก้วองค์กรอิสระจะแตกเมื่อไหร่ จะได้สาแก่ใจอีกครั้ง

ปิดท้ายของปิดท้าย วันนี้ คงรู้ผลการตัดสินของ ศาลรัฐธรรมนูญคดีก้าวไกลหาเสียงแก้ ม.112 จะเป็นล้มล้างการปกครองหรือไม่ ดั่งที่ ดร.สมชาย ปรีชาศิลปกุล บอกจะเป็นการบอกแนวโน้มว่า ฝ่ายอนุรักษ์ไทยจะกำกับประเทศไปทิศทางไหน ถ้าผลออกมา ไม่ใช่การล้มล้าง แล้วสั่งหยุดการกระทำ ก็เท่ากับยอมรับว่า ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง แต่หากไม่แคร์ ยุบพรรค กำจัดฝ่ายคิดต่าง เพราะมั่นใจ ปราบได้ ก็อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงขึ้น

ขึ้นต้นด้วยเรื่องพี่ศรี จบด้วยเรื่องยุบพรรค เหมือนคนละเรื่อง แต่เอาเข้าจริง มันคนละเรื่องเดียวกัน…จริง ๆ

———————
ดาวประกายพรึก