เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา มีข่าวการสกัดจับแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา แอบลักลอบเข้ามาในประเทศหลายครั้ง ซึ่งไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้จะไม่มี แค่เพียงแต่ว่าช่วงนี้ มันทะลักเข้ามามากกว่าปกติ ชนิดทวีคูณเลยต่างหาก

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มีเขตติดต่อกับประเทศเมียนมา ทำให้ขบวนการแก๊งค้ามนุษย์หรือแรงงานข้ามชาติ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงไม่มีหยุด ไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่สนใจกฎหมาย ถึงขนาดทำพาสปอร์ตเถื่อนหรือปลอมขึ้นมาเอง

นายชัย คนขับรถขนแรงงานเถื่อนที่ถูกจับกุม ยอมเล่าแบบละเอียดยิบเลยว่า ผมขนแรงงานที่ใช้พาสปอร์ตปลอมมาแล้ว 2 ครั้ง จุดเริ่มต้นคือสถานที่รวมคนที่ อ.พญาตองซู จ.กอกกาแล็ก ประเทศเมียนมา พื้นที่ติดต่อกับประเทศไทย ตรงด่านเจดีย์สามองค์ ก่อนที่จะพาแรงงานชาวเมียนมา หลบหนีเข้ามาในประเทศ ได้จัดทำพาสปอร์ตปลอมขึ้นมาเอง มีทั้งพาสปอร์ตเล่มสีเขียว สีน้ำตาล

ถึงกระทั่งทำบัตรประจำตัวปลอม คนที่ทำอยู่ในฝั่งเมียนมา รับจ้างทำครั้งละ 5,000 บาทต่อคน ทำเหมือนของจริง ชนิดเรียกได้ว่า 99% เลยทีเดียว หลังจากทำเสร็จ นายหน้าชาวเมียนมาก็จะพาข้ามฝั่งโดยทางช่องทางธรรมชาติ

จากนั้นจะเจอด่านความมั่นคงด่านแรก หมู่ 8 บ้านน้ำเกิก ซึ่งมีทหาร ตำรวจ ปกครอง และเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วย ด่านนี้รู้ดีว่าไม่รับเงิน “นายหน้า” จึงได้จ้างกองทัพมด โดยใช้รถจักรยานยนต์ ขี่พาอ้อมด่าน พอมาถึงหมู่บ้านสามหลัง นายหน้าจะใช้รถปิกอัพมารับ ทยอยขึ้นคันละ 5 คน ถึง 10 คน

แต่สำหรับด่านความมั่นคงจุดอื่นๆ นั้น สามารถผ่านได้ เนื่องจาก ตามจุดตรวจเหล่านี้ จะมีกระปุกออมสินไว้ให้รถนายหน้าที่ขนแรงงานเถื่อนหยอดกระปุก

ด่านไหนมีเจ้าหน้าที่มาก จ่ายเพิ่มไป หลังจากนี้ก็ขับรถตามสบาย เอาแรงงานเถื่อนไปมอบให้นายหน้าอีกคนที่รับอีกช่วง แบ่งกันไปทำงานแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด ที่ได้มีการสั่งออร์เดอร์แรงงานเถื่อนไว้ล่วงหน้า

เวลาขับไปถึงด่านตรวจ ก็จะต้องเตรียมพาสปอร์ตปลอม พร้อมเงินสดจำนวน 1,400 บาท หยอดใส่ลงไปในกระปุกที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมไว้ หลังจากดูเสร็จ ก็ให้ขับรถผ่านออกไปได้อย่างปกติ ด่านไหนที่มีน้ำใจกับเราขบวนการขนแรงงาน ทางขบวนการก็จะหยอดเงินให้มากหน่อย เพราะถือว่าช่วยเหลือกัน ตนเองได้ขนแรงงานเมียนมาพาสปอร์ตปลอมมาแล้ว 2 ครั้ง

ส่วนใหญ่จะเดินทางขนแรงงานกันเวลากลางคืนช่วงดึก มีทั้งรถปิกอัพและรถเก๋ง คนขับรถจะรู้กันว่าให้เดินลงไปที่จุดตรวจ พูดคุยไม่ถึง 2 นาที ก็ขับรถไปต่อทันที มีกันอยู่แบบนี้ทั้งคืน สลับกันเข้าออกจุดตรวจ และรถทุกคันได้บรรทุกแรงงานชาวเมียนมามาทั้งหมด

แสดงให้เห็นว่า การขนแรงงานชาวเมียนมา เข้ามาในประเทศวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 30 คันรถ แรงงานเถื่อนเข้ามาไม่ต่ำกว่าวันละ 180 คน ค่าหัวแรงงานคนละ 25,000 บาท ถึง 35,000 บาท คิดเป็นวันละถึง 4 ล้านบาท ขบวนการนี้มีกันมานานร่วม 20 ปี ถนนสาย 323 ถนนแห่งเศรษฐกิจ

ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี ทหารเฉพาะกิจลาดหญ้า ตำรวจ ได้กวาดล้างแรงงานเถื่อนอย่างเข้มข้น 2 วัน โดยจับกลุ่มแรงงานเถื่อนพร้อมพาสปอร์ตปลอม ได้ผู้ต้องหา 44 คน พร้อมพาสสปอร์ตปลอมทั้งหมดทุกคน รถของกลาง 7 คัน คนนำพา 7 คน

ทำให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ที่ผ่านมาขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติหรือแรงงานเถื่อน ได้ทำพาสปอร์ตขึ้นมาเองทั้งหมด เพื่อแหกตาเจ้าหน้าที่ ผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

หนึ่งในแรงงานที่ถูกจับกุม ย้ำเพิ่มเติมให้ฟังด้วยว่า อีก 2 ประเด็นสำคัญที่ชาวเมียนมาทะลักเข้ามามากกว่าที่ผ่านมา คือเพราะรัฐบาลเมียนมาประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 หนุ่มสาวต้องมาเป็นทหาร

ทำให้คนหนุ่มสาวชาวเมียนมา ที่ไม่อยากเป็น ต้องหนีข้ามประเทศมาหาญาติพี่น้องและมาทำงานดีกว่า บางคนถึงไม่มีญาติ ไม่มีงานทำ ก็ขอให้ได้หนีมาก่อน ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที แต่ทุกคนเชื่อว่า ต้องดีกว่าอยู่ในประเทศแน่ๆ ส่วนอีกประเด็นคือสงครามในเมียนมา มันทวีความรุนแรงมาก และยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง

นี่เป็นคำพูดของขบวนการแรงงานเถื่อนข้ามชาติ ก็ไม่รู้ว่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจริงทั้งหมด สถานการณ์ชายแดนไทยก็น่าเป็นห่วง..จริงๆ.

ข่าวสารตำรวจ

มอบเงินสงเคราะห์ศพ
พล.ต.ต.พิษณุ วัตถุ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ มอบเงินสงเคราะห์ศพล่วงหน้า ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจศรีสะเกษ จำกัด จำนวน 30,000 บาท และเงินสงเคราะห์ศพของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจศรีสะเกษ จำกัด จำนวน 50,000 บาท ให้กับมารดา ภรรยา และบุตรของ ร.ต.ต.บุญถม วณาไธสง อดีต รอง สว.(ป.) สภ.ศรีรัตนะ ซึ่งถึงแก่กรรมด้วยโรคประจำตัว ที่วัดหนองบัว ต.ศรีแก้ว อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ

ให้ความรู้วินัยจราจร
พ.ต.อ.กฤศ ธิติทัศนะ ผกก.สภ.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.นพรุจ ณ รังษี รอง ผกก.ป.สภ.คลองกิ่ว พร้อมด้วย พ.ต.ท.อุทิศ นิมิตพงศ์พร สว.อก.สภ.คลองกิ่ว และข้าราชการตำรวจ สภ.คลองกิ่ว ได้ร่วมกันรณรงค์พร้อมให้ความรู้นักเรียนด้านวินัยจราจรกับนักเรียนโรงเรียนกุญแจคริสเตียนวิทยา เช่น วิธีหลีกเลี่ยงหรือป้องกันสารเสพติด โทษและภัยของยาเสพติด รวมทั้งภัยคุกคามทางออนไลน์ โดยใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในการดูแลความปลอดภัยให้ตนเอง ซึ่งมีนักเรียนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

เชื่อมสัมพันธ์
พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ รอง ผบช.ภ.2 นำข้าราชการตำรวจ ร่วมแข่งขันฟุตบอลเชื่อมความสัมพันธ์ 3 เส้า มี ตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง และเพื่อนกันตะวันออก โดยมีนายศักดา รื่นรมย์ อัยการเชี่ยวชาญสำนักงานคดีปราบปรามทุจริตภาค 2 สำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมการแข่งขันด้วย ณ สนามกีฬาเทศบาลตำบลเมืองแกลง จ.ระยอง

ผ้าป่าพัฒนาโรงพัก
พ.ต.อ.ชนาธิป ภาโนมัย ผกก.สภ.เอราวัณ จว.เลย พร้อมด้วย กต.ตร.สภ.เอราวัณ และข้าราชการตำรวจ ในสังกัด ร่วมกันเดินหน้าปรับปรุงพัฒนา สภ.เอราวัณ ให้มีความสะอาด ทันสมัย ปลอดภัยแก่ประชาชนผู้มาใช้บริการ โดยล่าสุดได้บอกบุญ จัดตั้งกองป่าผ้าสามัคคีขึ้น ณ ลานอเนกประสงค์หน้า สภ. ทอดถวายหลวงพ่อหัด ปรกฺกโม เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธธรรมผาป่อง ในวันที่ 22 มี.ค. 67 เพื่อนำเงินสมทบทุนปรับปรุงภูมิทัศน์ ปรับปรุงห้องน้ำสำหรับบริการประชาชน และอาคารเก็บของกลางที่คดียังไม่สิ้นสุด สำหรับประชาชนที่สนใจร่วมทำบุญผ้าป่าในครั้งนี้ หากไม่สะดวกเดินทางมาร่วม สามารถโอนเงินเข้าบัญชี ธ.ก.ส. (สาขาเอราวัณ) เลขที่ 020230511133 ชื่อบัญชี กองทุนผ้าป่าเพื่อปรับปรุงอาคารสถานที่ สภ.เอราวัณ หรือติดต่อ สภ.เอราวัณ โทร. 08-9944-3781 (ร.ต.อ.ทองสุข)

อบรมป้องกันยาเสพติด
องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ จัดฝึกอบรมการสร้างเครือข่ายป้องกันยาเสพติดให้กับประชาชน รุ่นที่ 1 ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีเบญจ ต.สวายจีก อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เพื่อการป้องกันอาชญากรรม และปัญหายาเสพติด ให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยมี นายยุทธชัย พงศ์พณิช รองนายก อบจ.บุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดโครงการ และ พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์, นายเติมเขต กีรติมาศ เลขานุการนายก อบจ.บุรีรัมย์, พ.ต.ท.ธนานนท์ ไชยสิน รอง ผกก.ป.สภ.เมืองบุรีรัมย์, นายวิทูรย์ เทพอักษรณรงค์ ส.อบจ.อ.เมืองบุรีรัมย์ เขต 4, นายทวีศักดิ์ เล็กสุด รองปลัด อบจ.บุรีรัมย์ และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธีเปิดอบรมในครั้งนี้