กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาวาระ 2-3 ในสัปดาห์หน้าสำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงต้องมาสนทนากับ “สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯสภาผู้แทนราษฎร ที่จะบอกเล่าถึงการทำงานของกมธ.ว่า สามารถหั่นงบฯลงได้เท่าไร และมีอะไรที่ต้องจับตาการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินของภาครัฐ

โดย “สุรเชษฐ์” เปิดประเด็นภาพรวมการพิจารณางบประมาณฯ ปี 67 ของกมธ.ชุดนี้ ว่า  ประเด็นแรก บรรยากาศการทำงานเป็นไปได้ด้วยดี มีการถกเถียงกันด้วยเหตุและผลมากพอสมควร ไม่มีภาพของการใช้เสียงข้างมากลากไปเรื่อยแบบที่มันน่าเกลียดเกินทน ประเด็นที่สอง ผลของการพิจารณา ก็รับได้ คือ ไม่ได้น่าเกลียดเกินไป เท่าที่ทราบไม่ได้มีการแจกงบ สส.เหมือนในอดีตที่มีการตัดงบ สมมติตัดมาได้ 1 หมื่นล้านบาท แล้วก็มีการหารกัน โดยสส.ที่เข้าร่วมหารถ้า จำนวน 500 คน ก็ตกคนละ 20 ล้านบาท  เรายังไม่เห็นเรื่องนี้ ถ้าพบก็สามารถแจ้งมาได้

พรรคก้าวไกลเราไม่ร่วมไปเอางบ สส.ในลักษณะนั้น เพราะเป็นเรื่องที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่สามในเรื่องข่าวการตบทรัพย์หาประโยชน์ในทางมิชอบ เท่าที่ผมทราบก็ยังไม่มี ประเด็นที่สี่เรื่องของระยะเวลาในการพิจารณางบประมาณ ปีนี้ถือว่าค่อนข้างรวดเร็วกว่าแผน ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของทุกฝ่าย ประเด็นที่ 5 มีเรื่องขัดใจอยู่เรื่องหนึ่ง คือ รัฐบาลไม่ยอมให้เราไลฟ์สด ทำได้เพียงการถ่ายทอดในสภาเท่านั้น ซึ่งจริงๆ เราอยากให้ไลฟ์เปิดให้สาธารณะได้เห็นกันเลย คนดูหรือไม่ๆ สำคัญ แต่อย่างน้อยเป็นดิจิทัลฟรุตปรินท์ให้ประชาชนได้เห็น  

เป็นห่วงเรื่องการใช้งบอย่างผิดวัตถุประสงค์และส่อทุจริตหรือไม่

ผมคิดว่าไม่ได้มีอะไรน่าห่วงเป็นพิเศษ เพราะว่า ระบบงบประมาณเป็นระบบเดิม ๆ คือ 5 ปีที่แล้วเป็นอย่างไรวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น ส่วนในมุมของการทุจริตคอร์รัปชั่นต่างๆ มีได้เสมอ ในบรรยากาศการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบไทยๆ มีการเก็บค่าต๋ง อะไรต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ควรทำ สิ่งที่พรรคก้าวไกลสัญญา คือ เราจะไม่ไปร่วมกระบวนการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างนั้น และหน้าที่ของฝ่ายค้านคงจะต้องติดตามตรวจสอบต่อไป อีกประเด็นหนึ่ง คือ ปัญหาการกระจุกตัวของงบประมาณอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งอันนี้ผมถือว่า เป็นหนึ่งในผลงานที่ผมและพรรคก้าวไกลภูมิใจ ว่า สามารถผลักดันเรื่องนี้จนสำเร็จอย่างน้อยในปีนี้ ถ้าเราจำได้ปีที่แล้วผมจะตีหนักในเรื่องของบุรีรัมย์นำโด่ง คือไม่มีเหตุผลใด ๆ ไม่ใช่จังหวัดที่มีประชากรมากที่สุด หรือจีดีพีสูงสุด แต่ทำไมงบซ่อมถนนไปอยู่ที่นั่นมากที่สุด ประเด็นนี้เราก็ดูการเกลี่ยงบ ไม่ใช่ว่าไม่มีการกระจุก แต่มันก็ไปกระจุกบนพื้นฐานของจังหวัดที่มีเหตุมีผล และค่อนข้างเกลี่ยได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน

อย่างไรก็ตามความพิเศษในงบประมาณปีนี้ มีความพิเศษ โดยเฉพาะรายการที่ใหญ่ที่สุด 2 รายการ  รายการแรกก้อนที่ตัดงบได้ใหญ่ที่สุด คือ การตัดงบเรือฟรีเกต 1,700 ล้าน ความพิเศษก็คือกลายเป็นว่าฝ่ายรัฐบาลขอตัดงบ แต่ฝ่ายค้านช่วยป้องงบ เพราะเราไม่ได้ตีหรือค้านไปเรื่อย อันนี้อยากให้มองในมุมว่าการที่กองทัพเรือมาชี้แจง ก็มีเหตุผลอยู่ ไม่ได้มีการส่อทุจริตคอร์รัปชั่นแบบเรือดำน้ำ  ที่อ่าวไทยก็ตื้น แต่จะเอาเรือดำน้ำขนาดใหญ่

“เรือฟริเกตเป็นเรือรบและเขามีกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี พรรคก้าวไกลอยากเห็นกองทัพที่เข้มแข็งในลักษณะที่มียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเล็กกระทัดรัดแต่ แข็งแรงนั่น คือ ภาพที่เราอยากเห็น กลายเป็นว่าเราช่วยกองทัพเรือปกป้องงบก้อนนี้แม้ไม่สำเร็จก็ตาม  และสุดท้ายเสียงข้างมากก็ชนะ”

รายการที่สองเป็นเรื่องของโครงการใหญ่อันดับ 2 คือโครงการฝายดินซีเมนต์ อันนี้เป็นไฮไลท์สำคัญ งบประมาณ 1,255 ล้านบาท  ความพิเศษก็คือฝ่ายค้าน ซึ่งผมเป็นคนเสนอตัดงบก้อนนี้เองและกลายเป็นว่าฝ่ายรัฐบาลสนับสนุน หมายถึงว่าเอาด้วย เพราะว่ามีความแปลกประหลาด ความน่าเกลียด อย่างค่อนข้างชัดเจนจริงๆ เขาก็จำนนด้วยเหตุผล และถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี สุดท้ายกมธ. เสียงส่วนใหญ่ก็ตัดงบก้อนนี้ไป

อย่างที่ผมบอกว่ามันประหลาดเพราะว่าภาพปกติฝ่ายค้านขอตัดงบรัฐบาล แต่กลายเป็นว่างบก้อนที่ใหญ่ที่สุดรัฐบาลขอตัด ฝ่ายค้านช่วยปกป้อง แต่ก้อนที่สองก็คือฝ่ายค้านขอตัดแล้วรัฐบาลช่วยสนับสนุนอีก ก็มีความพิเศษ ซึ่งคิดง่ายๆ ว่าโครงการฝายแกนดินซีเมนต์ โครงการต้องเลวร้ายขนาดไหน ถึงมีคนมาช่วยปกป้องงบจำนวนมากและโดนตัดได้จริง

ห่วงในเรื่องงบกลางที่นายกฯ เป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องการใช้งบหรือไม่

ตรงนี้มีหลายคนอาจจะเข้าใจผิด งบกลางก้อนใหญ่มีหลายหมวด คำว่างบกลางที่เป็นปัญหาจริงๆ คือหมวดที่เรียกว่ารายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น กรณีนี้ทำดีก็ต้องชื่นชมเพราะปีนี้ ภาพรวมเราตัดงบประมาณไปได้ 9,204 ล้านบาท แต่ว่ามีการเอาเงินนี้ไปเทลงงบกลางหมวดที่เป็นปัญหาเพียง 1,000 ล้านบาท ถ้าเป็นปีก่อนๆ ถ้าเราจำได้ ตัดมาเท่าไร เช่น ตัดมาได้ 9,000 กว่าล้านก็จะเทลงไป อย่างนั้นอันตราย แต่ก็ต้องไปติดตามตรวจสอบต่อไปว่าเรามีการตัดงบฝายแกนดินซีเมนต์ไป 1,255 ล้านบาท ซึ่งอันนี้เป็นการแจกงบที่ค่อนข้างชัดเจนว่าจะมีการหากินหรือเอาไปทอนคืนอะไรกันหรือไม่ ก็ต้องติดตามต่อไปว่าภายใต้กรอบ 1,000 ล้านบาท เขาจะเอาไปแจกอะไรไม่ดีหรือไม่ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ และถือว่าประสบความสำเร็จ อย่างน้อยตัดอะไรที่มันไม่ดีออกมาได้

@ต้องจับตาในเรื่องงบกองทัพ หรือโครงการแลนด์บริดจ์หรือไม่

ในส่วนของกองทัพก็อย่างที่ได้พูดถึงกรณีเรือฟริเกตของกองทัพเรือ แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างสร้างสรรค์ของพรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้าน คือเราไม่ได้ค้านทุกเรื่อง แต่ละเรื่องเราดูด้วยเหตุและ ส่วนกรณีโครงการแลนด์บริดจ์นั้น  อันนี้มีแต่การขายฝัน แทบไม่มีงบ มีแต่จ้างศึกษานิดหน่อย คำว่าจ้างศึกษานิดหน่อยก็คือเขาตั้งโครงการมาเพื่อศึกษาโครงการ 46 ล้านบาท โดยเป็นงบปี 67 จำนวน 7.8 ล้านบาท พูดง่ายคือ 8 ล้านจาก 46 ล้านตั้งในปีนี้ แต่ว่าโครงการนี้ฝันใหญ่มาก ผมก็คิดว่าไม่น่าจะได้เริ่มสร้างจริงแน่ในรัฐบาลนี้ อันนี้ฟันธงเลย  ว่ารัฐบาลนี้อีก 4 ปี ไม่น่าจะได้เริ่มสร้างจริงๆ เราจะไม่ได้เห็นทางเชื่อมขนาดใหญ่ ท่าเรือ 2 ฝั่ง ในรัฐบาลนี้ เพราะว่าเท่าที่ติดตามดูรายละเอียดแทบไม่มี มีแต่ฝันลอย ๆ นายกฯ เอาไปขายทั่วโลก ก็ไม่รู้เอาไปขายอะไร ไม่มีเนื้อหนังว่าจะตั้งงบมาเวนคืน จะตั้งงบมาสร้างท่าเรือ ไม่มีสิ่งเหล่านี้ ขายฝันล้วนๆ แต่รัฐบาลเขาก็มีสิทธิ์ที่จะศึกษา และมีสิทธิ์ที่จะหางบไปเพื่อขายฝันแต่ก็ต้องจับดูกันต่อไป แต่ถ้าให้ผมฟันธงจะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้อย่างแน่นอน เพราะว่าทุกอย่างลอยๆ อยู่ในกระดาษ

@ ประเด็นร้อนเรื่องเงินติจิทัลวอล์เล็ต มีโอกาสได้ทำหรือไม่ 

ผมคิดว่า ไม่ แต่รัฐบาลเขาก็ยืนยัน ว่าเขาจะทำ แต่ตรงนี้เราก็ต้องเข้าใจกันนิดหนึ่งว่าตอนที่รัฐบาลเขาหาเสียงไว้ คือเขาจะไปตัดงบ จะใช้งบประมาณปกติ เขาไม่ได้บอกว่าจะไปกู้ตอนหาเสียง แต่รูปแบบปัจจุบันมันใกล้เคียงว่าเขาจะกู้ คือ 99% เขาน่าจะไปทางกู้แล้ว รูปธรรมก็คือในการพิจารณางบประมาณปี 67 ถ้าหากเขามีความตั้งใจที่จะทำตามที่เขาหาเสียงไว้จริงๆ เขาก็ต้องตั้งโครงการมาเพื่อตัดงบ สมมติตัดงบไปได้ 1 หมื่นล้านบาท ๆ ก็ต้องนำไปใช้ทำโครงการนั้น ถูกหรือไม่ หรือถ้าหากเขาจะทำจริงๆ  เขาต้องตัดงบให้ได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท อาจจะ 5 หมื่น-1 แสนล้านบาท เพื่อไปตั้งโครงการนั้นให้ได้ แต่ไม่มี ยืนยันเลยว่าไม่มีเรื่องนี้ ดังนั้นเรื่องนี้ผมว่าไม่สามารถทำได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกว่าแม่หมอ ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ทำนายแม่นมาก และเป็นผู้ที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งในการพิจารณางบครั้งนี้ก็ยิ่งชัดเจนเป็นรูปธรรมว่าไม่ได้มีความจริงใจที่จะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่เขาก็ยังบอกว่าจะทำ แต่ไปใช้อีกช่องหนึ่งคือกู้มาแจก แต่ถึงแม้กู้มาแจกโอกาสก็ยังยาก คือถ้าบอกว่าจำเป็นเร่งด่วนมันก็คงต้องแอคชั่นอะไรออกมาแล้ว ไม่ใช่อยู่แบบนี้ อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ผมตอบคำถามในฐานะกมธ.งบฯ  ผมไม่เห็นความพยายามในการที่จะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ส่วนในเรื่องภาพใหญ่ว่าจะไปใช้ช่องอื่น หรือเงินกู้สำเร็จหรือไม่ ไปติดตามแม่หมอศิริกัญญาต่อได้

@ อยากให้ประชาชนจับตาอะไรเป็นพิเศษในงบประมาณ 67

ความสำเร็จของผมและพรรคก้าวไกลในปีงบ 67 ก็คือตัดงบฝายแกนดินซีเมนต์ได้สำเร็จ อันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะโครงการนี้เหมือนเป็นโครงการตัดเสื้อโหลแจก เรื่องนี้เป็นความสำเร็จสูงสุดในเรื่องงบประมาณปี้นี้ ที่เราสามารถหยุดงบ ที่ทั้งไม่คุ้มค่า และไม่โปร่งใสได้สำเร็จ ผมถือว่ากมธ.งบฯ 67 ทำงานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มีการตัดไขมันส่วนเกินได้มากพอสมควร และไม่มีการเอาเงินนี้ไปทอน คืน แบบหน้าเกลียด หรือไปแจกอะไรต่างๆ มีส่วนที่น่าเป็นห่วงก็คืองบกลางรายการสำรองฉุกเฉินเร่งด่วนประมาณ 1,000 ล้านบาท จาก 9,000 ล้านบาท อันนั้นก็คงจะต้องไปตรวจสอบติดตามกันต่อไป และคงไม่ต้องมานั่งเหนื่อยเถียงกันอีกว่าปัญหาการเทลงงบกลางเป็นอย่างไร และถือเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนการตัดงบได้ 9,000 ล้านถือว่าน้อยไปหรือไม่นั้น เห็นว่าค่อนข้างจะปกติ ไม่ได้น้อยเกินไป ผมว่าเท่าที่ดูก็จะผันแปรขึ้นๆ ลงๆ อยู่ราวๆ นี้ 5,000-2 หมื่นล้านบาท แล้วเหตุผลความจำเป็นในแต่ละปี.

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่