“รับรู้ถึงความเป็นมนุษย์และความอ่อนแอของเรา และพยุงมันให้ก้าวไปข้างหน้า”

ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ ที่ผู้คนทั่วไปต่างให้ความสนใจ มันมีข่าวๆ หนึ่งของวงการสีกากี ที่ให้ทั้งความน่าสนใจ น่าสลดใจ และน่าเห็นใจ เพราะเชื่อว่าคงไม่มีตำรวจนายใดอยากมีชีวิตหลังเกษียณแบบนี้

เรื่องนี้มันต้องย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน คือเมื่อปี 2560 ตอนนั้น อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ถูกกล่าวหาว่าทุจริต โครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย โดยมีผู้เสียหายเป็นตำรวจ 192 นาย มูลค่าความเสียหาย 229 ล้านบาท

จากนั้น อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ถูกให้ออกจากราชการ และกลับเข้ารับราชการในตำแหน่ง ผบช.สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และได้เกษียณราชการในตำแหน่งนี้ ในขณะเดียวกันคดีความยังไม่คืบหน้า ยังไม่มีการฟ้องร้อง ทั้งๆ ที่เหลืออีก 3 ปี คดีจะหมดอายุความแล้ว

ทำให้ตัวแทนข้าราชการตำรวจเกษียณราชการกว่า 10 นาย ต้องรวมตัวกันไปยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และที่ สตช. ถึงความเดือดร้อนที่ไม่ได้รับความเหลียวแลในเรื่องคดีความ ยังไม่มีการฟ้องร้องต่อศาล ทำให้คดีความคงเหลืออีกแค่ 3 ปี ก็จะหมดอายุความ

ส่งผลให้ข้าราชการตำรวจ ซึ่งตกเป็นเหยื่อในการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยนับ 100 นาย ต้องทนทุกข์อย่างแสนสาหัส เพราะชีวิตหลังเกษียณ บางรายต้องถูกยึดบ้านยึดที่ดิน ครอบครัวแตกแยก ลูกไม่ได้เรียนหนังสือ บางรายไม่มีจะกิน ต้องขอข้าววัดประทังชีวิต รับตัดหญ้าพร้อมรับจ้างทั่วไป สิ้นเดือนเงินเหลือไม่ถึง 1,000 บาท ด้วยซ้ำไป

ร.ต.อ.ใหม่ มโหรี บอกเล่าความอัดอั้นว่า ผมเป็นตำรวจที่เกษียณราชการแล้ว ได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ โดยมี อดีต ผบก.ภ.จว.เลย เป็นผู้บริหารโครงการ ได้ให้พวกผมกู้ยืมเงิน จนเป็นเหตุให้พวกผมเป็นหนี้สินสหกรณ์ ธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ

ข้าราชการตำรวจบางนายเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต ทิ้งภาระหนี้สินไว้ให้ภรรยาและลูก บางนายที่เกษียณไปแล้ว แทนที่จะได้ใช้เงินบำนาญเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว กลับกลายเป็นเงินเดือนต้องติดลบจนต้องหาเงินมาใช้หนี้เพิ่ม และที่ยังรับราชการอยู่ เงินเดือนก็เหลือรับไม่กี่ร้อย กี่พันบาท

คดีความตั้งแต่ปี 2560 ระยะเวลาผ่านไป 7 ปีมาแล้ว คดีนี้ยังไม่การฟ้องร้องต่อศาลต่ออย่างใด ซึ่งคดีมีอายุความ 10 ปี มูลค่าความเสียหาย 229 ล้านบาท ผู้เสียหายเป็นตำรวจถึง 192 นาย

ด้าน ด.ต.ธงชัย พรหมเสนา เปิดใจแบบกล้ำกลืนว่า ทุกวันนี้ผมได้รับความเดือดร้อน เงินเดือนถูกหัก เงินเดือนเหลือไม่ถึง 1,000 บาท ทุกวันต้องไปหารับจ้างทั่วไป เช่น รับตัดหญ้า เอาแรงกายเข้าแลก เพื่อเอาเงินมาเยียวยาครอบครัว ตำรวจหลายคนๆ ที่ประสบปัญหา เกี่ยวกับโครงการบริหารหนี้ส่วนใหญ่ เงินเดือนไม่เหลือ ต้องแบกภาระหนี้สิน

หลายคนแม้แต่จะส่งลูกเรียนก็ยังไม่มี ลูกจะเรียนก็ไม่สามารถส่งลูกเรียนได้ บางคนก็ไม่ได้กู้ แต่ก็ติดเป็นคนค้ำประกัน บางคนครอบครัวแตกแยก อย่างผมไปค้ำประกันให้เพื่อน เขาก็ไม่มีเงิน ภาระก็เลยต้องมาตกอยู่กับผม วันนี้บ้านก็ถูกยึดไปแล้ว กองบังคับคดีกำลังประกาศขาย บางคนต้องไปขอข้าววัดกิน เพราะเงินเดือนไม่เหลือ ลูกเมียก็ทิ้ง เดือดร้อนมาก

ผมคิดน้อยใจนะ เป็นตำรวจทำงานให้กับประเทศชาติ ไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึง 2 ครั้ง วันนี้รู้สึกเสียใจ น้อยใจ ทำไมผู้หลักผู้ใหญ่ต้องทำกับผู้น้อยอย่างนี้ ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ทิ้งให้พวกเราต้องแบกภาระหนี้สิน ให้พวกเราตกระกำลำบาก ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างตามยถากรรม

ถึงขนาดที่เพื่อนบางคนคิดสั้นไปจนกลายเป็นข่าวไปแล้ว พวกเราเดือดร้อนจากโครงการนี้ กลายเป็นคนติดหนี้สิน ไม่มีอะไรจะกิน คิดสั้นและอยากประชดนาย ต้องไปปล้นร้านทอง ตามที่เคยเป็นข่าว

ส่วน นางอานัญญา สะดาแนน แม่บ้านตำรวจกล่าวทั้งน้ำตาว่า พี่ขอเป็นตัวแทนแม่บ้านตำรวจจังหวัดเลย ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ในการบริหารหนี้ของผู้การสุทิพย์ อันดับแรกซึ่งเป็นเรื่องอัดอั้นตันใจว่า เมื่อทุกท่านที่กำลังประสบปัญหา 1.สามีได้เสียชีวิตลงเนื่องจากความเครียดกับโครงการนี้ 2.ตำรวจที่ชื่อน้องโจ้ ที่ต้องกลายเป็นโจรปล้นร้านทอง 3.ครอบครัวไม่มีจะกิน แม้จะส่งลูกไปเรียนก็ไม่มีปัญญา

อย่างพ่อบ้านของพี่เป็นตำรวจมาตั้งแต่ปี 2522 เป็นสมาชิกสหกรณ์ตำรวจ ถูกหักเงินเดือนทุกเดือน หวังว่าเกษียณราชการแล้วจะมีเงินเหลือใช้ในยามแก่เฒ่า พอถึงวัยเกษียณแทนที่จะได้เงิน แต่กลับต้องถูกหักเงินเพื่อมาใช้หนี้สหกรณ์ วันนี้จะหาจะกินก็ไม่มี วันนี้พวกเราเหล่าแม่บ้านต้องออกไปเดินขายลอตเตอรี่มาเลี้ยงครอบครัว หรือบางคนหาเก็บของเก่าขาย

ถามว่าพวกเราเดือดร้อนมั้ย ยอมรับเดือดร้อนมาก จึงอยากจะวิงวอนถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่ด้านบน อยากให้ท่านลงมามองพวกเราหน่อย ชีวิตตำรวจที่จังหวัดเลยเป็นอย่างไร

“เคยมั้ยที่ต้องเอาไข่ต้มฟองเดียว ขยำข้าวกินกันทั้งครอบครัว”

ข่าวสารตำรวจ

แสดงความยินดี
พ.ต.ต.อัมพร จักษุทิพย์ สวป.(ชส.) สภ.ชุมแพ จว.ขอนแก่น พร้อมครอบครัว ร่วมแสดงความยินดีกับผู้หมวดใหม่ ว่าที่ ร.ต.ต.ทิชากร จักษุทิพย์ บุตรชาย หลังพิธีมอบประกาศนียบัตรและปิดการฝึกอบรมหลักสูตร การฝึกอบรมข้าราชการตำรวจชั้นประทวนผู้มีวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป เพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร กลุ่มงานอำนวยการและสนับสนุนและงานเทคนิค (กอน.(อก.)) และกลุ่มงานอำนวยการและสนับสนุนและงานเทคนิค (กอร.(อก)) ณ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4

มอบ จยย.ให้กับกาชาด
พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ มอบหมายให้ พ.ต.อ.พีระวุฒิ สุวรรณประสิทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ร่วมกับ กต.ตร.ภ.จว.บึงกาฬ​ ประกอบด้วย นายเทิด ชัยธนยศ, นายวีระ ธนวรรณกุล และนายปวิณชัย บุญพิเชฐ มอบรถจักรยาน​ยนต์ให้กับกาชาดจังหวัด​บึงกาฬ เพื่อใช้ออกรางวัลสลากการกุศล​กาชาด​จังหวัดบึงกาฬ​ ประจำปี 2567 โดยมี นายจุมพฎ วรรณฉัตรศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานรับมอบ, นายนคร ศิริปริญญานันท์ และ นายวินัย โตเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัด​บึงกาฬ​ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ศาลากลางจังหวัด​บึงกาฬ

ร่วมทำความสะอาด
พ.ต.ท.ฉัตรชัย ยิ่งชล รอง ผกก.ป.สภ.สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็นประธานในการฝึกทบทวนความพร้อมประจำสัปดาห์ พร้อมงานโยธาจิตอาสา ร่วมทำความสะอาดสถานที่ โดยมี ร.ต.ต.ประวัฒน์ สิงห์ผดุงศักดิ์ หัวหน้าสายตรวจตำบลมาบไผ่ และ ร.ต.ท.ตระกูล เขินอำนวย ร่วมกันมอบชุดเครื่องเสียงเพื่อไว้ใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ และมี พ.ต.ท.พิชัยธนศิลป์ สินพิชัย รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.พิสิฐ กิจขุนทด รอง ผกก.สส. และเจ้าหน้าตำรวจ สภ.บ้านบึง ร่วมรับมอบด้วย เมื่อวันก่อน

******************************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป