ใครที่คิดถึงบรรยากาศในโรงภาพยนตร์ตอนนี้ คงต้องรีบไปจองตั๋วดูกันรัว ๆ เพราะหนังที่ค้างฉายอยู่หลายเรื่อง ล่าสุดทางค่าย M-Picture นำเอาภาพยนตร์เรื่อง Wrath of Man ซึ่งเคยฉายในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากโกยรายได้ไปมากกว่า 103 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาฉายในโรงภาพยนตร์ เพื่อเอาใจคอหนังแนวแอ๊คชั่นแบบเต็มอิ่มแบบ 2 ชม.เต็ม

ภาพยนตร์เรื่อง Wrath of Man มีชื่อไทยว่า “คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก” ซึ่งใครคุ้นเคยกับชื่อแนวคนคลั่ง คนแค้น ก็มักจะชินกับ พระเอกสายบู๊หน้านิ่ง แต่งตัวเนี้ยบแน่นเป๊ะ อย่าง “เจสัน สเตทแธม” ที่กลับมาคราวนี้เขาต้องรับบท “มาเฟีย” ตัวพ่อ-พูดน้อยต่อยหนัก ไม่ปล่อยมุกฮาเฮ เหมือนกับบทบาทใน Fast & Furious Presents Hobbs & Shaw สีหน้าแววตาเศร้าและสงบ แต่แฝงไปด้วยความดุดันเมื่อต้องสังหารเป้าหมาย

เรื่องย่อ Wrath of Man
ฟอร์ติโก้ ซีเคียวริตี้ บริษัทที่ขึ้นชื่อด้านรักษาความปลอดภัยและการขนเงินทั่วแอลเอ พวกเขารับหน้าที่ขนส่งถุงเงินจำนวนหลายสิบล้านต่อคัน พร้อมมีการ์ดรักษาความปลอดภัยสูงสุด แต่แม้ว่าจะเป็นบริษัทที่มีชื่อขนาดไหน ก็ย่อมเกิดความผิดพลาดถูกปล้นได้เสมอ และบางครั้งการ์ดก็จะโดนคนร้ายสังหารอย่างโหดเหี้ยม ล่าสุดทางบริษัทได้เปิดรับพนักงานใหม่ที่ชื่อ “เอช” (รับบทโดย เจสัน สเตทแธม) เขาได้รับมอบหมายให้ทำงานร่วมกับหัวหน้าทีมอย่าง “บูลเล็ต” (รับบทโดย โฮลท์ แมคคัลลานี่) และผู้ช่วยอย่าง เดฟ (รับบทโดย จอช ฮาร์ทเน็ทท์) ระหว่างที่เด็กใหม่เข้ามาทำงาน ปรากฏว่ามีโจรพยายามจะปล้นรถขนเงิน นั่นทำให้ “เดฟ” ถึงกับสติแตก ขณะที่ “เอช” กลับมีสติ ใช้ปืนยิงต่อสู้ก่อนสังหารกลุ่มโจรจนไม่เหลือ….

แม้ฉากหน้าของเจ้าหน้าที่ “เอช” จะได้รับการยกย่องว่าเป็นการ์ดที่กล้าหาญ และเก่งกาจยิงปืนแม่นยำ แต่ฉากหลังของเขา คือ Boss มาเฟีย ตัวพ่อ! ที่พยายามออกไล่ล่าหาแก๊งโจรปล้นรถขนเงินแก๊งหนึ่ง หลังจากพวกมันจับตัวประกันก่อนยิงสังหารทิ้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือลูกชายของเขา ดังนั้น การที่ “เอช” เข้ามาแฝงตัวอยู่ก็เพื่อสางแค้นเอาคืนแก๊งโจรกลุ่มนี้อย่างสาสมนั่นเอง

ความโดดเด่นของ Wrath of Man
ขึ้นชื่อว่าหนังของ “กาย ริตชี” ผู้กำกับหนังสายดาร์ก ก็มักจะผูกปมเรื่องราวให้ “ตัวเอก” เจอปัญหาแต่แรกเริ่ม มีการเล่าถึงสถานการณ์ในอดีตว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็ย้อนกลับมาปัจจุบันว่าใครเป็นอะไรยังไง ก่อนจะย้อนไปอดีตเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจบทบาทตัวละคร โดยซีนช่วงแรกยังคงเล่าถึงตัวเอกซึ่งเป็นเจ้าพ่อก่อน จากนั้นก็หันมาเล่าถึงตัวผู้ร้าย หรือ “แก๊งโจร” กระทั่งมาถึงจุดที่ต้องคลายปมความสงสัยทั้งหมด ด้วยการจับเหตุการณ์มาชนกันทั้งสองฝ่าย ลักษณะของการเล่าเช่นนี้ จะทำให้ผู้ชมนั่งไม่ติดเบาะ ยิ่งอัดซาวด์ประกอบภาพยนตร์ ด้วยโทนเสียงต่ำๆ หรือเสียงทุ้มลึก ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศของหนังดูซีเรียส และชวนให้ติดตามเข้าไปเรื่อย ๆ ราวกับกำลังดำดิ่งไปกับความโหดร้ายและอารมณ์ที่รุนแรง

จุดอ่อนของ Wrath of Man
การดำเนินเรื่องที่ยืดยาวโดยใช้ตัวละครสมทบหลายตัว แต่กลับไม่โดดเด่น ทำให้เรื่องดูเนือยและเกิดช่องว่างของความสงสัยมากมาย ขณะที่ฉากเล่าย้อนไป-ย้อนมา หวังจะให้คลายปมสงสัย แต่กลับเป็นเรื่องที่คนดูเดาได้ง่าย ๆ ก่อนแล้ว ยิ่งทำให้หนังดูจืดลงไปมาก ช่วงองค์ท้ายเรื่อง มีการรวบรัดตัดตอนจัดฉากปล้น ก็ยิ่งทำให้เดาตอนจบได้สบาย ๆ ว่าจะเป็นอย่างไร

4/5 สำหรับคอแอ๊คชั่น การันตีว่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง บทและความดำดิ่งของการสูญเสียมีค่อนข้างมาก เป็นอีกเรื่องที่มีองค์ประกอบภาพแสดงถึงความเหี้ยมโหดและหดหู่ค่อนข้างมาก คุณหนู ๆ และเด็กๆ ควรจะมีพ่อแม่คอยกำกับดูแลหากจะชม