ปัญหาและข้อสงสัยสารพัด เกิดขึ้น หลังจากที่ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร อย่าง “สัตยา นาเดลลา” ที่เดินสายเยือนอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย ในช่วงวันที่ 30 เม.ย.-2 พ.ค.ที่ผ่านมา

รัฐบาลโดยนายกฯ เศรษฐา เอง ต่างพึงพอใจกับการเดินทางมาเยือนไทย ในวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ของบิ๊กบอสไมโครซอฟท์ ในครั้งนี้ เพราะได้ประกาศชัดเจนที่จะเข้ามาลงทุน “ดาต้าเซ็นเตอร์” ในไทย พร้อมจะช่วยยกระดับความรู้ทักษะด้านเอไอ ให้กับคนไทยไม่น้อยกว่า 1 แสนคนกันทีเดียว

แต่!! การประกาศการเข้ามาลงทุนครั้งนี้ บิ๊กบอสใหญ่ของไมโครซอฟท์ ยังไม่ได้ระบุวงเงินลงทุนที่ชัดเจน เหมือนกับการเยือนอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ด้วยวงเงินลงทุน 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 63,000 ล้านบาท เพื่อขยายบริการคลาวด์และเอไอ รวมถึงการก่อสร้างศูนย์ข้อมูลหรือดาต้าเซ็นเตอร์

หรือแม้แต่การเดินทางเยือนมาเลเซีย ในวันรุ่งขึ้น หรือในวันที่ 2 พ.ค. 67 หลังจากเยือนไทย ที่ “นาเดลลา” ก็ประกาศการลงทุนอย่างชัดเจน เป็นวงเงิน 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 81,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านเอไอและคลาวด์คอมพิวติ้ง

ด้วยเหตุนี้… คำถามจึงบังเกิดขึ้นทันทีว่า… การไม่ประกาศวงเงินลงทุนที่ชัดเจนของบิ๊กบอสไมโครซอฟท์ นั้นเป็นเพราะอะไร?

หลายคนหลายฝ่าย ที่ไม่ชื่นชอบรัฐบาล อาจตีขลุมไปว่า เป็นเพราะศักยภาพของไทย ที่ยังไม่ดึงดูดเพียงพอ หรือในมุมร้าย ก็อาจมองไปว่า…ไทยถูกเหยียบจมูกหรือไม่?

สารพัดสารพันความสงสัยเกิดขึ้นไม่น้อย จนคนของรัฐบาลต้องเรียงหน้า ออกมาชี้แจง แถลงไข เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนว่า ดีล” ครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่เพิ่งเกิดขึ้นระหว่างไทยกับไมโครซอฟท์เท่านั้น

เรื่องนี้เป็น “ดีล” ที่แตกต่างจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่ได้มีการเจรจากันก่อนหน้านี้ และไมโครซอฟท์ก็ประกาศการลงทุนไว้ก่อนโดยที่ไม่ระบุตัวเลขที่ชัดเจน จนผ่านไประยะหนึ่งจึงจะประกาศอย่างชัดเจน ดั่งที่เห็นอยู่

เช่นเดียวกันกับการลงทุนในไทย ที่บิ๊กบอสไมโครซอฟท์ เพิ่งพบปะและหารือร่วมกับนายกฯ เศรษฐา ของไทย ในระหว่างการเข้าร่วมประชุมเอเปค ซานฟรานซิสโก เมื่อเดือนกันยายน 66 ที่ผ่านมา

หรือพูดง่าย ๆ ว่า ไทยกับไมโครซอฟท์ เพิ่งเริ่มเจรจากันมาได้เพียง 8 เดือนเท่านั้น ไม่เหมือนกับทั้งอินโดนีเซียหรือมาเลเซีย ที่เค้าเจรจากันมานานแล้ว จึงสามารถประกาศตัวเลขการลงทุนที่ชัดเจนได้

ต้องยอมรับว่า…ไมโครซอฟท์ เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สหรัฐที่มีมูลค่าตลาดหรือมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดในโลก โดย ณ วันที่ 30 เม.ย. 67 ที่ประมาณ 2.95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 106 ล้านล้านบาท

ขณะเดียวกันไมโครซอฟท์ ก็กำลังรุกหนักในเรื่องเอไอในอาเซียนอย่างหนักเช่นกัน โดยมีเป้าหมายที่จะฝึกทักษะการใช้เอไอให้กับคนอาเซียน 2.5 ล้านคน โดยจำนวนนี้เป็นชาวอินโดนีเซียมากถึง 840,000 คน ภายในปีหน้า  68

แถมยังเป็นการประกาศที่แข่งขันกับ แอปเปิล ที่ไปตั้ง Apple Developer Academy ในอินโดนีเซียถึง 4 แห่ง โดยซีอีโอใหญ่จากแอปเปิล เพิ่งบินตัดหน้าไปพบผู้นำอินโดนีเซีย ก่อนหน้าบิ๊กบอส ไมโครซอฟท์ เพียงไม่กี่วันก่อนหน้านั้น

ขณะที่การประกาศจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในไทย ของไมโครซอฟท์ โดยไม่ได้ประกาศเม็ดเงินลงทุนและแผนการลงทุนในไทย เหมือนการประกาศที่อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

แม้มีข่าวกระเส็นกระสายโดยสำนักข่าวต่างประเทศ ที่อ้างคำพูดจากแหล่งข่าวของไมโครซอฟท์ ว่าจะใช้เงินลงทุนในไทยราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 36,000-37,000 ล้านบาท ก็ตาม

แต่คำประกาศอย่างเป็นทางการจากปากของ นาเดลลาที่ออกมามีเพียงว่า… ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่นและโอกาสในอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและเอไอ

ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ สำหรับ คลาวด์ เอไอ และการเสริมสร้างทักษะด้านเอไอ ล้วนเป็นแผนงานต่อยอดพันธกิจของไมโครซอฟท์เพื่อช่วยให้องค์กรไทยภาครัฐและเอกชนเติบโต สร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ให้ไทย

แม้ฟากรัฐบาลจะพยายามอธิบายถึงเหตุผล ถึงขั้นตอนในการเริ่มต้นเจรจา เริ่มต้นธุรกิจ ก่อนไปสู่การตัดสินใจที่ชัดเจน  แต่ ณ เวลานี้ ก็ต้องยอมรับโดยสดุดีว่า ประเทศไทย ได้ถูกแซงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว!!.

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”

อ่านบทความทั้งหมดคลิกที่นี่