คนโง่ตกเป็นเหยื่อคนฉลาด แต่คนฉลาดย่อมตกเป็นเหยื่อของกรรม เมื่อข้าวสารราว ๆ 150,000 กระสอบ ในโกดังที่จ.สุรินทร์ กลายเป็นหลักฐานชิ้นโต ว่าข้าวสารหอมมะลิอายุ 10 ปี เก็บรักษาไว้แบบนี้ มีสภาพตามที่เห็น และหุงกินได้

ทั้งที่ข้าวหอมมะลิเป็นข้าวพื้นนิ่ม ควรจะเสียหายก่อนข้าวขาว ซึ่งเป็นข้าวพื้นแข็ง แล้วทำไมข้าวขาว 12 ล้านตัน (จาก 18.5 ล้านตัน เมื่อวันรัฐประหาร) จึงเสียหายก่อนข้าวหอมมะลิ และถูกคัดให้อยู่ “เกรดซี” เพื่อขายเป็นข้าวอาหารสัตว์-ทำปุ๋ย-เผาเป็นเอทานอล ในช่วงปี 60-61 ยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคท้องที่ไทย ผู้เคยเป็นเจ้าของโรงสีข้าวใน จ.นครสวรรค์ บอกกับ “พยัคฆ์น้อย” ถึงความไม่ชอบมาพากล เกี่ยวกับการระบายข้าวสารโครงการรับจำนำข้าว ช่วงปี 60-61

ทำให้ผู้ประกอบการคลังสินค้ากว่า 40 คน เข้าร้องเรียนกับพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดี “ดีเอสไอ” รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ให้สอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จากการคัดเกรดข้าว-การระบายข้าว ตามคำสั่งคณะอนุกรรมการระบายข้าว ที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. ดังนี้

1.ใช้ข้าราชการ-พลทหาร (คณะกรรมการ 100 ชุด) ที่ผ่านการอบรมแค่ 2 วัน มาตรวจสอบข้าว (ฉ่ำข้าว) เก็บตัวอย่างข้าว ช่วงปี 58-61 ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์

2.เป็นครั้งแรกในประเทศ ที่มีการจัดเกรดข้าวก่อนขายให้พ่อค้า มีการจัดเกรดข้าวเอบีซี สำหรับข้าวเกรดซี คือข้าวคนกินไม่ได้ ต้องขายเป็นอาหารสัตว์เผาเป็นเอทานอลทำปุ๋ย จากข้าวสารทั้งหมด 18.5 ล้านตัน แต่จัดเป็นเกรดซีถึง 12 ล้านตัน ขายให้เอกชน 19 ราย ราคา กก.ละ 2-3 บาท ทำให้รัฐเสียหายกว่าแสนล้านบาท

3.เจ้าของโกดังทำหนังสือถึง “อคส.-กรมการค้าต่างประเทศ” ขอซื้อข้าว กก.ละกว่า 10 บาท แต่ถูกปฏิเสธ ว่าจะขายผ่านการประมูลเท่านั้น! คือ กก.ละกว่า 10 บาท ไม่ขาย แต่จะขาย กก.ละ 2-3 บาท

4.เอกชน 19 ราย ประมูลข้าวเกรดซี 12 ล้านตัน เอาไปทำอาหารสัตว์-ทำปุ๋ย-เผาเป็นเอทานอล จริงหรือไม่? ไม่เกินความสามารถของ “ดีเอสไอ” ที่จะตรวจสอบเส้นทางข้าว 12 ล้านตัน ถูกนำไปทำเป็นอาหารสัตว์-เผาเป็นเอทานอล-ทำปุ๋ย หรือส่งเป็นข้าวสารไปขายต่างประเทศ และหมุนมาเป็นข้าวถุงขายในประเทศ กก.ละ 12-13 บาท

พยัคฆ์น้อย” ได้ยินว่างานนี้ 1.จะมีการเปิด “ทีโออาร์” การขายข้าวสารให้เอกชน 19 ราย ว่าต้นทางปลายทาง ไปส่งข้าวสารกันไว้ที่ไหนบ้าง? ตามที่ “จีพีเอส” ระบุหรือไม่?

2.คณะกรรมการ 100 ชุด ที่อบรมกันแค่ 2 วัน ก่อนไปฉ่ำข้าว บางส่วนจะถูกเรียกมาสอบก่อนใครเพื่อน!

3.เรียกสอบเจ้าหน้าที่กรมการค้า-พาณิชย์จังหวัด (จังหวัดปลายทาง) ที่เซ็นชื่อรับรถบรรทุกข้าวสารทุกเที่ยว! ทั้งที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของข้าวสารที่ประมูลซื้อมา เช่น กรณีมีข้าวสารจำนวนมากไหลไปเข้าโรงงานของบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหุ้น ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เป็นต้น

4.โรงงานโรงสีของเอกชน 19 ราย จะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดยิบ ว่าประมูลซื้อข้าวสารมากมายเกินกำลังตัวเองหรือไม่? (โดยเฉพาะรายที่ราชบุรี) ยาวไปถึงงบการเงินเสียภาษีเส้นทางการเงินการจ่ายค่าน้ำค่าไฟ

5.ขอดู “สูตรอาหารสัตว์” มีส่วนประกอบอะไร? เปิดรายละเอียดมาดูหน่อยซิ! ว่าสั่งซื้อวัตถุดิบใดบ้าง (รำ-ปลาป่น-ข้าวโพด-กากถั่วเหลือง) มาเป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์ นอกเหนือจาก “ปลายข้าว” ที่มีอยู่แล้ว

การขายข้าว 12 ล้านตัน เมื่อปี 60-61 ราคาแพงๆไม่ขาย แต่กลับขายถูกกว่า! ถ้า “ดีเอสไอ” ทำงานเต็มที่! จะง่ายกว่าการล่า “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เสียอีก!!.

…………………………………
พยัคฆ์น้อย

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…