ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน ชนะการเลือกตั้งเหนือนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต เมื่อปี 2559 ส่งผลให้สหรัฐและทั่วโลกตกตะลึง ทว่าชัยชนะของนาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ในปี 2563 ทำให้ผู้สำรวจความคิดเห็นต้องทำการคำนวณใหม่ เนื่องจากการโหวตครั้งนั้น ทำให้เกิดความผิดพลาดในการสำรวจความเห็น “ระดับผิดปกติ” ตามรายงานของสมาคมอเมริกันเพื่อการวิจัยความคิดเห็นสาธารณะ (เอเอพีโออาร์)

นายดอน เลวี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเซียนา คอลเลจ ซึ่งเผยแพร่การสำรวจกับหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส” กล่าวว่า ผู้ลงคะแนนเสียงให้ทรัมป์ “ที่ขี้อาย” และไม่กล้าแสดงความชอบพวกเขาต่อผู้สำรวจความคิดเห็น ไม่ได้อธิบายความแตกต่างที่เกิดขึ้น ในการเลือกตั้งปี 2559 และปี 2563

กลับกัน เลวีเชื่อว่า กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ เพียงแค่รู้สึกลังเลมากขึ้น ที่จะตอบคำถามของผู้สำรวจความคิดเห็น ซึ่งมันอาจเป็นเพราะว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พรรครีพับลิกันบอกกับพวกเขาว่า สื่อสมคบคิดต่อต้านทรัมป์

ด้านนางเซลินดา เลค จากบริษัทสำรวจความคิดเห็นที่ทำงานให้กับพรรคเดโมแครต เห็นด้วยกับเลวี โดยให้เหตุผลว่า ทรัมป์บอกกับผู้ติดตามของเขาว่า “อย่าตอบโพล” และพวกเขาไม่เคยเผชิญกับเรื่องนั้นมาก่อน

ขณะที่นายดัก ชวาร์ตซ์ หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็นชื่อดัง “ควินนิพิแอค ยูนิเวอร์ซิตี โพล” อธิบายว่า ในปี 2563 ผู้ตอบแบบสอบถาม มีความระมัดระวังมากขึ้น ในการตอบคำถามเกี่ยวกับความชอบของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

กระนั้น ผู้สำรวจความคิดเห็นหลายราย เห็นพ้องต้องกันว่า การเข้าถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งในยุคของสมาร์ตโฟน และการคัดกรองการโทรศัพท์นั้น เป็นเรื่องยากมากขึ้น และมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

สำหรับเลวี วิธีการสำรวจความคิดเห็นที่เขาชอบใช้ คือ การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เนื่องจากผู้สนับสนุนทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะทำแบบสำรวจความเห็นเสร็จสมบูรณ์น้อย แต่การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ทำให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ตอบคำถามแรกเป็นอย่างน้อย แม้พวกเขาจะวางสายในคำถามข้อต่อไปก็ตาม

ขณะเดียวกัน เลค ปฏิเสธที่จะจำกัดการสำรวจความคิดเห็นอยู่แค่ทางโทรศัพท์ เพราะวิธีข้างต้นทำให้ได้ตัวอย่างความคิดเห็นจากกลุ่มคนอายุมากกว่า และเข้าถึงคนหนุ่มสาวได้ยากกว่า แตกต่างจากการใช้วิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การส่งข้อความ อีกทั้งประเด็นสำคัญคือ การใช้คำถามที่ฟังดูลำเอียง หรือคำถามเชิงเสรีนิยมในตอนแรก

อย่างไรก็ตาม เลวี แสดงความกังวลว่า การให้ความสำคัญกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากเกินไป อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากบางคนเริ่มรู้สึกว่า พวกเขาถูกสำรวจความคิดเห็นเยอะเกินไป และมันอาจมีอิทธิพลต่อผลการสำรวจ และการเลือกตั้งเช่นกัน.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP