มีเรื่องที่ผู้ประกอบการ “ธุรกิจอาหาร” ควรต้องรู้เกี่ยวกับฉลากโภชนาการ เพราะ “ฉลากอาหารแบบใหม่” ใกล้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการควรที่จะต้องทำความเข้าใจและศึกษา เพราะเป็น “หัวใจสำคัญสินค้า”

เกี่ยวกับ “ฉลากแบบใหม่” นี้ ซีพี ออลล์ และเซเว่น อีเลฟเว่น ได้ให้ข้อมูลผ่านคำแนะนำของ นฤมล ฉัตรสง่า ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอาหารและการบริโภคอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า ประกาศนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริโภคทราบข้อมูลชนิดและปริมาณสารอาหาร เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับอาหารประเภทเดียวกัน โดยฉลากแบบใหม่มีสิ่งที่ต้องพิจารณา ได้แก่

1.รูปแบบกรอบข้อมูลโภชนาการ ที่ต้องเป็นกรอบแบบมาตรฐาน ไม่มีแบบกรอบย่อ ส่วนนอกเหนือจากรูปแบบที่กำหนดไว้นั้นต้องได้รับความเห็นชอบจาก อย. เสียก่อน รวมถึงการปรับข้อความในฉลากด้วย โดยฉลากแบบใหม่ได้ปรับลดรายการสารอาหารที่บังคับลดลง จาก15 รายการเป็น 9 รายการ

2.ข้อกำหนดเงื่อนไขการแสดงกรอบข้อมูลโภชนาการ ในฉลากแบบใหม่ การแสดงสีพื้นกรอบข้อมูลกำหนดให้ใช้สีขาว และตัวอักษรต้องใช้สีที่เอ่านได้ชัดเจน รวมถึงต้องเป็นสีเดียวกันกับสีเส้นกรอบ และขนาดตัวอักษรส่วนที่ 1 กับ2 ต้องสูงไม่น้อยกว่า1.5 มม. กับส่วนที่ 3, 4และ 5ต้องสูงไม่น้อยกว่า 1 มม.

3.การกำหนดปริมาณอาหารหนึ่งหน่วยบริโภคกับจำนวนหน่วยบริโภคต่อภาชนะบรรจุ ในแบบใหม่ได้มีการปรับแก้ไขนิยาม “หนึ่งหน่วยบริโภค” โดยเน้นใช้คำว่า “ปริมาณที่กินต่อครั้ง” ให้สอดคล้องกับข้อความที่ใช้ในกรอบข้อมูลโภชนาการ และมีการขยายกลุ่มอาหารจาก 7 กลุ่ม เป็น14 กลุ่ม พร้อมชนิดอาหาร และปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภคอ้างอิง อีกทั้งมีการปรับหลักเกณฑ์การกำหนดปริมาณที่กินต่อครั้ง วิธีการกำหนดจำนวนครั้งที่กินได้ต่อภาชนะบรรจุ ด้วยการปรับเศษเป็นจำนวนเต็ม โดยให้ใช้ตามหลักการทางคณิตศาสตร์สากล

4.การปรับชื่อบัญชี แบบใหม่จะใช้ค่าอ้างอิงสารอาหารต่อวันสำหรับคนไทย (THAI RDIs) เป็นค่ากลางการแสดงคุณค่าโภชนาการบนฉลาก และมีการปรับลดช่วงอายุอ้างอิงเดิม คือตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มาเป็นตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป

5.ค่าอ้างอิงต่อวันของสารอาหาร ในฉลากแบบใหม่จะกำหนดค่าอ้างอิงสารอาหารต่อวัน (Thai RDIs) เอาไว้ 33 รายการ โดยพิจารณาบนพื้นฐานปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันของประชากรสุขภาพดีในช่วงอายุ 19-50 ปี ส่วนค่าพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน 2,000 กิโลแคลอรีนั้นมีการปรับลดช่วงอายุอ้างอิงลงมาเริ่มต้นที่อายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป โดยแยกกลุ่มทารกและเด็กเล็ก อายุ 0-3 ปี ออกจากกลุ่มประชากรทั่วไป

6.เกณฑ์และเงื่อนไขการกล่าวอ้างทางโภชนาการ ในแบบใหม่มีการปรับเงื่อนไขการคำนวณปริมาณสารอาหารหนึ่งหน่วยบริโภคให้อ้างอิงไม่เกิน 30 กรัม หรือไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ จากเดิมที่เป็นการคำนวณต่อ 50 กรัม และมีการเพิ่มเงื่อนไขปริมาณน้ำตาลทั้งหมด

นี่เป็นข้อมูลที่ควรรู้ของ “ฉลากอาหารแบบใหม่” ที่จะมีผลบังคับใช้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งเอสเอ็มอีด้านนี้ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเพื่อนำมาใช้ “ปรับตัว-ปรับกลยุทธ์” ให้สินค้า.

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ [email protected]