คงผวา “เดือนตุลา” อาถรรพณ์! เคยมีเหตุการณ์สำคัญที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์นองเลือด “14 ตุลา 16” และ “6 ตุลา 19” ทำให้มีอดีตจอมพลผู้ยิ่งใหญ่กระเด็นตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว

ดังนั้นช่วงนี้คนไทยจึงเห็น “บริบท” ที่เปลี่ยนไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่ว่าจะเป็นการสนใจไยดี ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น ลงพื้นที่ต่างจังหวัดมากกว่าเก่า เหมือนรู้อนาคตของตัวเองว่าอาจจะอยู่บนเก้าอี้นายกฯ อีกต่อไปไม่นาน!

ดังนั้นช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องพยายามประคองเกม ประวิงเวลาไว้ให้นานที่สุด แม้บางจังหวะลีลาอาจจะมีการโลเล “ชักเข้า ชักออก” บ้าง! เมื่อเจอประเภท “เก๋าเกม” ของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาส่งเสียงร้องให้คืน 4 กรม ในกระทรวงเกษตรฯ ที่เคยอยู่ภายใต้การกำกับของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯ กลับมาให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนดูแล

โดยก่อนหน้านั้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา เพิ่งไฟเขียวให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนกำกับดูแลงาน 4 กรม

แต่วันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้เซ็นเปลี่ยนคำสั่งใหม่ ให้ 4 กรมกลับไปอยู่ในความดูแลของนายจุรินทร์

งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงมีแต่เสียกับเสีย! จะมองหน้ากับ “พี่ป้อม” และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อย่างสนิทใจได้อย่างไร? แค่เรื่องง่าย ๆ ถ้าอยากซื้อใจพรรคที่เสนอชื่อตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในปี 62

เมื่อปลดรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ออกไป 2 คน (ธรรมนัส-นฤมล) ก็ต้องปรับ ครม. เพื่อตั้งคนใหม่ 2 คน เข้ามาแทนที่ ซึ่งควรเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐนั่นแหละ ส่วนหวยจะออกที่ใครก็เป็นเรื่องของ “พี่ป้อม” เป็นผู้คัดสรรมา!

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำเรื่องง่าย ๆ ให้เป็นเรื่องยาก วางกับดักตัวเอง บริหารประเทศเหมือน “เด็กเล่นขายของ” เพราะวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ยังทำเสียงขึงขังกับผู้สื่อข่าวว่า “ไม่ปรับ ครม.” พอวันที่ 5 ต.ค. ดันเซ็นคืน 4 กรม ไปให้พรรคประชาธิปัตย์ดูแล พูดง่าย ๆ ว่ารู้สึก “แคร์” นายจุรินทร์ มากกว่า “พี่ป้อม”

พรรคประชาธิปัตย์ก็เหลือเกินจริง ๆ พักนี้บรรยากาศดูมีสีสัน กระชุ่มกระชวย พร้อมใจกันออกมาทวง 4 กรม ในกระทรวงเกษตรฯ ทั้งที่ไม่เคยกำกับดูแลมาก่อน แถมยังโผล่ออกมาสนับสนุนนายจุรินทร์เป็นนายกฯ สมัยหน้าอย่างคึกคัก

นี่คือความเชี่ยวกรากทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อได้จังหวะและโอกาสช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตกอยู่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำทางการเมือง ประชาธิปัตย์ก็พร้อมจะถีบส่ง “เรือแป๊ะ” ได้เหมือนกัน

ดังนั้น “พยัคฆ์น้อย” จึงได้แต่บอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “ยุบสภา” คืนอำนาจให้ประชาชนเถอะ! การยุบสภาจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศความตึงเครียดต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาทำหน้าที่นายกฯ บ้าง เพื่อทำการเมืองไทยให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบเหมือนสังคมโลก หากยังฝืนอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เนื่องจากกติกาในรัฐธรรมนูญต้องเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับอารยประเทศ หนทางเดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเหลือน้อยเข้าไปทุกที

ปัจจุบันประเทศไม่มีความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่ง 7 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะสังคมไทยแตกแยกกันหนักกว่าเก่า เวลานายกฯ ไปไหนต้องใช้ตำรวจนับพันนายมาคอยดูแลความปลอดภัย

ไหนจะปัญหาทางเศรษฐกิจตกต่ำ ภาระหนี้สินรุงรังไปหมด ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้ภาคครัวเรือน ส่วนตัวเลข “จีดีพี” ของไทยก็อยู่รั้งท้ายกับประเทศเมียนมา ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมเสียสละ จะไปต่อลำบากจริง ๆ!!.

—————-
พยัคฆ์น้อย