จังหวะ 20 วินาที  ของการแลกเดือด ในยก 2 ที่ ซุปเปอร์บอน บัญชาเมฆ วาดแข้งเตะเข้าปลายคาง ชนะน็อกเจ้าพ่อคิกบ็อกซิ่ง  จอร์จิโอ เปโตรเซียน จากอิตาลี  หลับกลางอากาศ คว้าแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง วัน รุ่นเฟเธอร์เวต มาครองได้สำเร็จ ในการชกที่สิงคโปร์ 

ถือเป็นจังหวะช็อกโลก ที่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่า นักชกสุดยอดของโลกในรูปแบบคิกบ็อกซิ่งอย่าง เปโตรเซียน จะโดนน็อกหมดสภาพ หมดรูปขนาดนี้

ถึงขั้นกรามหัก ต้องผ่าตัด อนาคตมวยยังไม่สามารถบอกได้

            นับเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับกีฬามวยไทย ประเทศไทย และ ซุปเปอร์บอน สู่ระดับโลกเต็มตัว และเป็นมวยแม่เหล็กสืบทอดตำนานต่อจากรุ่นพี่ บัวขาว บัญชาเมฆ ต่อไป

            ในโลกโซเซียลออนไลน์ แฟนมวยจากทั่วโลก ต่างรุมชี้ว่าเป็นการชนะน็อกที่ยอดเยี่ยม และต่างไม่คาดคิดว่า เปโตรเซียนจะโดนขนาดนี้

            เป็นที่ทราบกันดีว่า มวยไทย เมื่อไปชกต่างประเทศ จะโดนจำกัดอาวุธ ไม่ให้ใช้แม่ไม้มวยไทยเต็มรูปแบบ เช่นห้ามคีบคอตีเข่า ห้ามใช้ศอก แต่นักมวยไทยก็พร้อมออกไปสู้ เพราะได้ต่าตัวที่สมน้ำสมเนื้อ แม้จะอึดอัดกับการชก เพราะโดนจำกัดอาวุธมวยไทย

            แต่ด้วยชื่อเสียงมวยไทยที่ติดตัวไป เมื่อไปพ่ายแพ้ ฝ่ายตรงข้ามต่างก็ประโคมข่าวว่า เอาชนะมวยไทยได้ เนื่องจากการเอาชนะนักมวยไทยได้ ย่อมสร้างชื่ออย่างมาก เพราะ “มวยไทย” เป็นศิลปะการต่อสู้ที่ทั่วโลกยอมรับ ทั้งที่ความจริงออกกฏไม่ให้นักชกไทยใช้อาวุธมวยไทยเต็มสูตร

            รายการวัน แชมเปี้ยนชิพ ของ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ซึ่งตอนนี้เป็นรายการมวยที่ติดอันดับโลก นับเป็นตัวอย่างที่ดี ที่แยกศิลปะการต่อสู้ไปเด็ดขาดเลยว่า เป็นการชกแบบมวยไทย,คิกบ็อกซิ่ง หรือ MMAไม่ใช่ชนะนักมวยไทยในรูปแบบอื่น แล้ว ไปโปรโมทกันว่าเอาชนะ “มวยไทย” ได้

            เมื่อ “มวยไทย” ไปแพ้ในต่างประเทศ แฟนมวยจึงต้องมองให้ดีว่า ไปชกกันในรูปแบบใด ไม่ใช่โจมตีนักมวยอย่างเดียวกีฬา ย่อมมีแพ้ มีชนะ ขอให้ไปสู้อย่างเต็มที่ก็พอ 

และตอนนี้ “มวยไทย” เป็นมรดกโลก เป็นสินค้าส่งออก ที่สร้างมูลค่ามหาศาลให้ประเทศไทย ไปแล้ว ไม่ว่าจะชกในรูปแบบใด ต้องเต็มที่ ด้วยจิตวิญญาณนักมวยไทย ไม่ไปเป็นมวยล้ม ต้มคนดู

การออกอาวุธมวยไทย ของนักมวยไทย มีเทคนิค มีเอกลักษณ์ มีความสวยงาม และเด็ดขาด เฉพาะตัว ด้วยความเป็นคนไทย ต้นตำรับ ที่ต่างชาติเลียนแบบยาก  ต้องช่วยกันรักษา อนุรักษ์ไว้

นอกจากนั้น การไปชกต่างประเทศ  ต้องชกทุกยก ให้คะแนนกันทุกยก เพราะเขาถือเป็นสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ ที่นักมวยไทยต้องปรับตัว และฝึกซ้อมเตรียมตัวไปให้ดี แพ้แล้วจะมาทำแปลกใจไม่ได้

ในเมื่อมวยไทย เป็นสินค้าออกสู่ระดับโลกแล้ว ย่อมต้องพัฒนาให้ทันโลกด้วย

ในการประชุมสัมมนาปัญหามวยไทย โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกับบุคคลวงการมวยไทย ชี้ปัญหาหนึ่งของมวยไทย ว่ามีนักมวยหลายคู่ที่ชกแล้วไม่ค่อยออกอาวุธให้สุดความสามารถ คำนึงถึงเรื่องของผลการแพ้ชนะมากไปโดยเฉพาะในยกที่ 5 ซึ่งทำให้แฟนมวยขาดอรรถรสในการรับชม และเสน่ห์มวยไทยหายไป 

เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว มีข้อสรุปว่า ถ้ายก 5ออกมาเต้น ไม่ออกอาวุธ กรรมการจะเตือนครั้งแรก แล้วถ้ายังทำเช่นเดิมอีกจะมีการเตือนครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3จะมีการตัดคะแนนทั้งคู่ ก็มีหลายค่ายมวยขานรับ ชี้ว่าหากมีพฤติกรรมดังกล่าว จะพิจารณาเรื่องการจัดชกไฟต์ต่อไปด้วย

เป็นตัวอย่างที่ดีในการร่วมด้วยช่วยกันพัฒนา เพื่อทำให้ “มวยไทย” เข้าสู่โลกกว้าง อย่างแข็งแกร่ง มากขึ้น

ถ้าเราไม่ยอมรับชาวโลก โลกก็ไม่ยอมรับเรา 

ทุกอย่างก็จบ เพียงเท่านี้

                                    “คม ท่าดี”