กรณีแก๊งวัยรุ่น 6 คน ยกโขยงไปตะโกนท้าทาย ขว้างปาก้อนอิฐถึงบ้าน จนคู่กรณีวิ่งออกมาพร้อมอาวุธมีด จบที่สูญเสียไป 2 ชีวิต กลายเป็นอุทธาหรณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าของสังคม พร้อมกับคำถาม“สิทธิป้องกันตัว”ความพอดีแค่ไหน…ไม่ผิด

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ระบุว่า ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือผู้อื่นให้พ้นอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย“ผู้นั้นไม่ผิด”

ในเรื่องนี้นายนิพนธ์  จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความ ให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิป้องกันตนเอง ตามกฎหมายมีหลักเกณฑ์ที่สามารถป้องกันโดยชอบตามมาตรา 68 ได้ดังนี้ 1.มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย  2.ภยันตรายนั้นใกล้จะถึงตน 3.ผู้กระทำจะต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของบุคคลอื่นให้พ้นจากภยันตรายนั้น และ4.การกระทำโดยการป้องกันสิทธินั้นไม่เกินขอบเขต

ทั้งนี้ เลขาธิการสภาทนายฯ ระบุ การจะอ้างป้องกันได้  ผู้ที่อ้างป้องกันจะต้อง“ไม่มีส่วนผิด”ในการก่อให้เกิดภยันตราย  ยกตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665/2543 ผู้ป้องกันต้องถูกกระทำฝ่ายเดียว จึงได้กระทำไปเพื่อป้องกันตน แม้จะมีภยันตรายเกิดขึ้นและเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ผู้ที่จะได้รับภยันตรายนั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะกระทำการโต้ตอบกลับมาโดยอ้างป้องกัน ถ้าตนมีส่วนผิดในการก่อให้เกิดภยันตราย

พร้อมกันนี้อธิบายจำกัดความถึง“ผู้ที่มีส่วนผิดในการก่อให้เกิดภยันตราย” คือ 1.ผู้ที่ก่อภัยขึ้นในตอนแรก ไม่มีสิทธิจะทำการโต้ตอบกลับไปโดยอ้างป้องกันได้ ตัวอย่าง ฎ.2154/2519 จำเลยกับพวกก่อเหตุชกต่อยผู้เสียหายแล้ววิ่งหนี ผู้เสียหายวิ่งไล่ตามต่อเนื่องไปไม่ขาดตอน จำเลยยิงผู้เสียหาย จำเลยอ้างป้องกันไม่ได้

2.ผู้ที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กัน ตัวอย่าง ฎ.1961/2528 การสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน ฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำแก่อีกฝ่ายหนึ่งจะกระทำการโต้ตอบกลับไป โดยอ้างป้องกันมิได้เพราะตนมีส่วนผิดในการที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้เสียแล้ว  การป้องกันจะต้องกระทำต่อผู้ก่อภัย

สำหรับพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่าย“ป้องกันตนเกินสมควรแก่เหตุ” ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนได้จาก ฎ.5904/2553 เมื่อจำเลยถูกผู้เสียหายใช้ไม้ตีทำร้ายก่อนซึ่งจำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัวได้ แต่เมื่อไม้ดังกล่าวมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว และเมื่อตีถูกจำเลยแล้วไม้ดังกล่าวก็หักทันที อีกทั้งไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายจะกระทำการอย่างใดอื่นอีกที่ส่อแสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัดว่ามีเจตนาจะทำร้ายจำเลยเพิ่มเติมให้หนักขึ้นกว่าเดิม การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงสวนไปที่ผู้เสียหายในขณะนั้น โดยมีโอกาสที่จะหยุดยั้งการกระทำของผู้เสียหายได้โดยวิธีอื่นอีก พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ อันจะเป็นการป้องกันโดยชอบ แต่เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

ส่วนพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่าย“สมัครใจวิวาท” ยกตัวอย่าง ฎ.6630/2562 จำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงทะเลาะวิวาทและเข้าชกต่อยกัน ถือได้ว่าจำเลยและผู้ตายต่างสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กัน แม้ไม่ปรากฏว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นมาก่อนก็ตาม การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยใช้เท้าถีบผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายพลัดตกลงมาถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก

อย่างไรก็ตาม เลขาธิการสภาทนายฯ ให้ข้อแนะนำหากต้องเผชิญเหตุจวนตัวก็ควรป้องกันแต่พอสมควรแก่เหตุ โดยหลัก ดังนี้

“ป้องกันภายในวิถีทางน้อยที่สุด” คือ ถ้ายังมีวิธีการอื่นๆซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ก่อภัยน้อยที่สุด ผู้กระทำจะต้องเลือกใช้วิธีการนั้น ถ้าไม่เลือกใช้วิธีการนั้นๆอาจจะถือว่าเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุได้

“ป้องกันโดยได้สัดส่วนกับภยันตราย” ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไป หากผู้ก่อภัยใช้ไม้จะทำร้าย ผู้จะถูกทำร้ายใช้ปืนยิงย่อมเกินสัดส่วน

ยกตัวอย่าง เหตุการณ์เมื่อต้องเผชิญเหตุจวนตัว ฎ.3528/2559  ผู้ตายจะใช้มีดดาบทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะกระทำเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นจากการประทุษร้ายของผู้ตาย มีดดาบที่ผู้ตายใช้ฟันทำร้ายจำเลยยาวประมาณ 1 ช่วงแขน สามารถทำให้จำเลยตายได้ การที่จำเลยใช้กรรไกรยาวประมาณ1คืบ แทงทำร้ายผู้ตายโดยปรากฏบาดแผลที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายมีเพียงบาดแผลเดียวคือบาดแผลที่ถูกของมีคมแทงที่หัวใจ ทั้งเมื่อผู้ตายล้มลง จำเลยก็ไม่ได้ตามเข้าไปทำร้ายซ้ำอีก จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น

ท้ายนี้ ย้ำว่าในกรณีเกิดการต่อสู้ที่จำเป็นต้องใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัว ขอให้มีสติและระลึกไว้ว่าต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว หรือทรัพย์สินเท่านั้น ไม่ใช่หวังเอาชีวิตคนร้าย ไม่เช่นนั้นอาจตกอยู่ในฐานะของผู้กระทำผิดซะเอง.

ทีมข่าวอาชญากรรมรายงาน

[email protected]