@เรื่อง”ร้อนๆ” สำหรับ”รัฐบาล”ที่มี”พรรคเพื่อไทย” เป็น”แกนนำ” และมี” แพทองธาร ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” คือเรื่องของ”เกาะกูด” ที่ทั้ง”เพื่อไทย” ทั้ง”ทักษิณ ชินวัตร” ถูก” เฟคนิวส์” โหมกระหน่ำ ว่ามี”ผลได้เสีย” กับ”แหล่งก๊าซธรรมชาติ” และเป็น”ผู้ร้าย” ในการ”ยกแผ่นดินไทย” ให้กับ”กัมพูชา” ซึ่งโดย ข้อเท็จจริงเรื่องของ”เกาะกูด” เป็นแผนดินไทย ไม่ใช่ของ”กัมพูชา” และ”กัมพูชา”  ทั้ง”ฮุนเซ็น” ผู้พ่อ และ”ฮุนมาเน็ต” ผู้ลูก ซึ่งเป็น อดีตผู้นำ และ ผู้นำปัจจุบัน ก็ไม่เคยออกมากล่าวผ่าน”สื่อ” ว่า เกาะกูด เป็นของ”กัมพูชา” เรื่องข่าว”เกาะกูด” เป็นของ”กัมพูชา” เป็นเรื่องการ”ทำลายล้าง” ทาง”การเมือง” เพื่อผลของ”การเมือง”โดยมีคนในตระกูลของ”จันทร์ส่องหล้า” เป็น”เหยื่อ” ดังนั้น หน่วยงานไหนที่ออก”เต้น” ตามจังหวะการ”ตีกลอง” ของ”ศัตรูทักษิณ” จึงเป็นการ”เต้นผิดจังหวะ” และล่าสุด” ผบ.ทร.” ก็ออกมา พูดชัดเจนว่า”เกาะกูด”เป็นของ”ประเทศไทย”…..

@แต่การออกมา”โหมโจมตี”ครอบครัวของ” ชินวัตร” ว่าอาจะมี”ผลประโยชน์ทับซ้อน” และอาจจะทำให้”ไทยเสียดินแดน” ก็เป็นเรื่องที่ทำให้” ทักษิณ ชินวัตร” และ”พรรคเพื่อไทย” รวมทั้ง”แพทองธาร ชินวัตร” จะได้”ระมัดระวัง” ยิ่งขึ้น ไม่ไปทำในเรื่องที่”ประชาชนสงสัย” ว่าจะมี”ผลประโยชน์ทับซ้อน” กับ”รัฐบาล”ของ”ประเทศกัมพูชา”   ความจริงเรื่องของ”เกาะกูด” วันนี้ยังไม่ต้อง”ไปไกล” ถึงเรื่อง”การ”แบ่งปันผลประโยชน์” ของ”ก๊าซธรรมชาติ” ระหว่าง”ประเทศไทย”กับ”กัมพูชา” แต่เรื่องที่”รัฐบาล” ชุดปัจจุบันต้อง ดำเนินการคือเรื่องของ”เอ็มโอยู” ที่มีการ”ลงนาม” ระหว่าง “ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย” กับอดีต”ผู้นำกัมพูชา” ว่าจะ”ยกเลิก”ได้หรือไม่ เพราะหลักฐานในการใช้เพื่อ”แบ่งเขตแดน” ต้องยึดตาม”สนธิสัญญา” ที่ทำไว้กับ”ฝรั่งเศส” เป็นสำคัญ  และ “เส้นต่างๆ” ที่เป็น”เส้นแบ่ง” ต้องมีความ”ชัดเจนถูกต้อง” และ”เป็นธรรม” ดำเนินการในเรื่อง”แบ่งปันเขตแดน” ให้มีความ”ชัดเจน” ให้ได้เสียก่อน ส่วนเรื่องการ”แบ่งปัน” ผลประโยชน์ เป็นเรื่องที่ต้อง”มาทีหลัง” ไม่ใช่เรื่องที่”เร่งด่วน” หรือ”ร้อนรน” จนทำให้”ประเทศไทย”ต้อง”เสียดินแดน” และ” ผลประโยชน์” โดยเฉพาะ”ประชาชน” ที่”เสพสื่อ” จน”คลั่งชาติ” ต้อง”ระมัดระวัง” และต้องมี”ความรู้ความเข้าใจ”ว่าไหนเป็น”สื่อจริง” หรือไหนที่เป็น”เฟคนิวส์ เรื่องของ “เกาะกูด” เป็นเรื่องที่”ทั้ง”แพทองธาร ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี และ”ภูมิธรรม เวชยชัย” หรือ” เสี่ยอ้วน” ต้อง ชี้แจ้งกับ” สื่อมวลชน” ให้ “ชัดเจน” อย่าได้ไม่ตอบคำถาม “ซิ่งหนี” หรือทำ”หงุดหงิด” เพราะการให้”ข้อเท็จจริง”กับ”สื่อมวลชน” ที่มี”สังกัด” ที่ชัดเจน ดีกว่าปล่อยให้”เฟคนิวส์” ใน”โซเชียลมีเดีย” ทำการ”ตีกระหน่ำ” เพียงฝ่ายเดียว เพราะโดย”ธรรมชาติ” ของ”สื่อ” เรื่อง”เท็จ” ถ้าถูก”ผลิตซ้ำ”ทุกวัน มันก็จะกลายเป็น” เรื่อง” ในความ”รู้สึก”ของ”ผู้เสพสื่อ”…..

@เรื่องของ”บอร์ดแบ็งค์ชาติ” ก็เป็นอีก”เรื่องร้อน” สำหรับ”รัฐบาล” ของ”พรรคเพื่อไทย” เพราะวันนี้ชื่อ”กิตติรัตน์ ณ ระนอง” กลายเป็นของ”แสลง” สำหรับคนใน”แบ็งค์ชาติ” และ”นักวิชาการ” ทั้งหลาย ที่ต่างออกมา”แสดงความคิดเห็น” ไม่ต้องการให้”กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ไปทำหน้าที่เป็น”บอร์ดของแบ็งค์ชาติ” ที่ไปใน”ฐานะ”ของ”ตัวแทน”ของ”พรรคเพื่อไทย” เพราะ”พรรคเพื่อไทย” ณ วันนี้ กลายเป็นที่”ไม่วางใจ”ของ”ประชาชน” ส่วนหนึ่ง โดยสงสัยในเรื่องการ”ใช้อำนาจ” ในการเข้าไป”กำกับดูแล” เพื่อให้ นโยบายของ”แบ๊งค์ชาติ” เป็นไปตามความต้องการของ”พรรคเพื่อไทย”…..ก็ไม่ผิดอะไรที่” ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะบอกว่าการส่ง”กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ไปเป็น”บอร์ดแบ๊งชาติ” ไม่ผิด เพราะ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” มี”คุณสมบัติ”ที่ครบถ้วน ส่วนเรื่องอื่นๆ จึงไม่ใช่ข้อ”พิจารณา” ก็น่าจะเช่นเดียวกับวันที่”พรรคเพื่อไทย” ส่งชื่อ”พิชิต ชื่นบาน” ให้เป็น”รัฐมนตรี” ก็มีการบอกว่ามี”คุณสมบัติ”ถูกต้อง สุดท้ายเป็นประเด็นให้ “เศรษฐา ทวีสิน” ต้องหลุดจากตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” ส่วนของ”กิตติรัตน์ ณ ระนอง” นอกจากเรื่องของ”ความถูกต้อง” ยังต้องคำนึงถึง”ความเหมาะสม” ด้วย ที่สำหรับวันนี้”พรรคเพื่อไทย” และคนของ”เพื่อไทย” กลายเป็นความ”หวาดระแวง”ของคน”ส่วนใหญ่” ไปแล้ว…..

@ความจริงเรื่องของ”การเมือง” เรื่องของ”พรรคร่วม” เรื่องของ”เพื่อไทย” และเรื่องของ”แพทองธาร ชินวัตร” ยังมีอีกมากที่เป็น”ประเด็น” ให้”วิพากษ์วิจารณ์” แต่เพราะมี”ข่าว”ทนายต้ม” และ”ทนายหิวแสง” เข้ามา”แย่งเฟรมข่าว” ทำให้”ข่าว” อื่นๆ ที่เป็นเรื่อง”การเมือง” และเรื่อง”การมุ้ง” อย่างข่าว”บิ๊กโจ๊ก” และ”ภรรยา” กลายเป็น”ข่าวเล็ก” จึงไม่เป็นที่”สนใจ”ของ”สังคม” เรื่องนี้”อุ๊งอิ๊ง” เธอต้อง”ขอบคุณ” บรรดา”ทนาย” โดยเฉพาะ”ทนายต้ม” ให้มากๆ….

@เรื่องของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งมีผู้ที่ให้”แนวนโยบาย” กับ”ทักษิณ ชินวัตร” ให้ประกาศให้”ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” เป็นองค์กรก่อการร้าย” เพื่อที่จะได้”จัดการ”กับปัญหาของ”ไฟใต้” ให้เป็นไปตามที่ หน่วยงานความมั่นคง มีการ “แถลงข่าว” ว่าเรื่องของ”ไฟใต้” จะต้อง”ยุติ” ในปี 2570 แต่ … ล่าสุด ทราบว่าเรื่องที่จะ ประกาศให้” ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” เป็น” องค์กรก่อการร้าย” น่าจะจบลงที่การ”เป็นหมัน” หลังจากที่”ทักษิณ ชินวัตร” มอบหมายให้”สหายใหญ่” หรือ”เสี่ยอ้วน” หรือ” ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้”หาข้อมูล” รายละเอียด ต่างๆ จาก” สภาความมั่นคงแห่งชาติ” (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ”(สขช.)”ตำรวจสันติบาล “ และ “ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ” หรือ ( ศรภ.) และ หน่วยงานอื่นๆ แล้ว ยังไม่”ตกผลึก” ดังนั้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน  ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่” บิ๊กอ้วน” นัดประชุมหน่วยงาน”ความมั่นคง” ทั้งหมดเพื่อ”ถกแถลง” ในเรื่องการ”ยกระดับ” ให้”บีอาร์เอ็น” เป็น”องค์กรก่อการร้าย” จึงถูกเลื่อนออกไปแบบ”ไม่มีกำหนด” ดังนั้น เรื่องของ”ไฟใต้” ก็คงจะเดิน” ต้วมเตี้ยม” ไปแบบเดิมๆ ที่เดินมาแล้ว 20 ปี โดยที่ ไม่มีอะไรใหม่  นั้นคือ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ยังเป็น”เป้าหมาย” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” และจบลงที่”เจ็บ ,ตาย “  วาง”พวงหรีด , คลุมธงชาติ” และ”จ่ายเงินค่าเยียวยา”แล้ว”จบ” เพื่อรอให้เกิด”เคส ใหม่ “และ”ปฏิบัติการ” แบบเดิมๆ ส่วนฝ่ายที่ไม่อยากให้จบ เพราะยัง”พิสมัย” ในเรื่อง”งบประมาณ” ในการดับ”ไฟใต้” ปีละ 30,000 ล้านบาท ก็คง”ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” ในการที่”บีอาร์เอ็น” จะได้คงอยู่คู่กับ”จังหวัดชายแดนภาคใต้”ตลอดไป การ”ผลาญงบประมาณ” เพื่อการ”ดับไฟใต้” จงเจริญ…..และ”บีอาร์เอ็น” ก็คงจะ “นอนตีพุง” ด้วยความ”สบายใจเฉิบ” ในการที่จะได้เป็น”องค์กรลับ”ต่อไป เพื่อที่จะได้”ปฏิบัติการ” สร้างความ”สูญเสีย” ทั้ง”ชีวิต” และ”ทรัพย์สิน” ให้กับ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ต่อไป  ทั้งหมดคือความ”วินวิน” ของ ทั้งฝ่าย”ความมั่นคง”ของไทย และฝ่าย”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”ของ”บีอาร์เอ็น ความหวังที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ในทางที่ดีขึ้น ณ วันนี้ยังน่าจะเป็นเพียง”ความฝัน” …..

@ล่าสุด “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการ”แต่งตั้ง” ให้” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” อดีต “เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช.) เป็นที่ปรึกษา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และมีการตั้ง”หน่วยงานการข่าว” ที่เป็นหน่วยงานลับ” เป็นชุด”เล็กพริกขี้หนู” เพื่อดำเนินการ”ข่าวลับ”เพื่อแก้ปัญหา”ไฟใต้” ซึ่งจะได้ผลแค่ไหน อย่างไร ก็คงต้อง ติดตามกันต่อไป  ส่วนเรื่องการ”พูดคุยสันติสุข” ที่”หยุดชะงัก” ไปเป็นเวลานาน หลังการแต่งตั้งให้”ฉัตรชัย บางชวด” เป็น”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” ( สมช.) แล้ว ก็ยังไม่เห็นการ”ขับเคลื่อน” เวทีของการ”พูดคุยสันติสุข” แต่อย่างใด ในขณะที่”บีอาร์เอ็น” ก็ไม่อยากที่จะ”ไปต่อ” กับการ”พูดคุยสันติสุข” แบบเดิมๆ ที่ผ่านมาแล้ว 12 ปี และ”มาเลเซีย” ซึ่งเป็น” ผู้อำนวยความสะดวก”ก็ไม่”แฮปปี้” กับแผนการ”พูดคุยสันติสุข”ที่เรียก ว่า”เจซีพีพี” เพราะ”มาเลเซีย” เห็นว่าเป็น แผนของ” เจนีวาคอลล์” ซึ่งเป็น”องค์กรต่างชาติ” ที่เป็น”ชาติตะวันตก”  ตรวจสอบ”ลมล่างลมเป็น” แล้ว เชื่อว่าการ “พูดคุยสันติสุข” ยังต้องมีการ”ขับเคลื่อนต่อ” แต่จะ”ขับเคลื่อน” อย่างไร น่าจะเห็นชัดในปี 2568 โน้น แต่สิ่งที่ต้อง”ระวังให้มาก” มีคนของ”สมช.บางคน ที่”โปรฝรั่ง” จะ”ชักใบให้เรือเสีย” เรื่องนี้ต้อง ระวังกันให้มาก…..

@ส่วนในพื้นที่ หลัง “พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่” แม่ทัพภาคที่ 4” และ” ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 “ ก็มีการเข้าพบกับ” ตัวแทน” ขององค์กรต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือในการ แก้ปัญหาของ”ไฟใต้” การเข้าพบกับ”ผู้นำ” ทุกองค์กรในพื้นที่ เป็นส่วนหนึ่งในการเข้ารับ”หน้าที่”ของ”แม่ทัพภาค 4 คนใหม่ ซึ่ง เป็นเหมือนกับ”ทุกแม่ทัพที่ผ่านมา” ดังนั้น”จุดต่าง” ที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้นคือ เข้าพบแล้ว ทำอย่างไร จึงจะทำให้” ผู้นำศาสนา” ผู้นำ”องค์กร”ต่างๆ ให้ความ”ร่วมมือ” ในการ”ดับไฟใต้” ไม่ใช่เพียงเข้าพบ”เพื่อแนะนำตัว” แต่ความ”ร่วมมือ” ไม่เกิด อย่างที่ผ่านมาแล้ว 20 ปี นี่ต่างหากที่เป็น”ปัญหา”ของการดับ”ไฟใต้”…..

@เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จับกุม”นักร้องสาวชาวมาเลเซีย” ซึ่งเป็น”ขวัญใจวัยรุ่น” กับพวกรวม 6 คน พร้อมยาบ้า ซึ่งเป็น”ยาเสพติด” จำนวน 6,000 กว่าเม็ด ในโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง ใน อ.สุไหงโก-ลก  เรื่องนี้กลายเป็น”ข่าวใหญ่” ใน ประเทศมาเลเซีย และ ใน ประเทศอินโดนีเซีย เรื่องนี้มีประเด็นที่” หัวหน้าตำรวจรัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซีย กล่าวถึงปัญหา”ยาเสพติด”และการ”จับกุม” ชาวมาเลเซียทั้ง 6 คนว่า เจ้าหน้าที่ไทย ปล่อยให้การ เสพ การค้า ยาเสพติด “ระบาด” ใน ผับ ในบาร์ ในคาราโอเกะ เป็นไปอย่างเสรี เป็นปัญหาให้ยาเสพติด”ระบาด” เป็นเหตุชาวมาเลเซีย กลายเป็นผู้เสพติด ที่ยากในการป้องกัน”  พล.ต.ต. ไมตรี สันตยานุกุล” ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ฟังคำ”วิพากษ์ วิจารณ์” ของ” หัวหน้าตำรวจรัฐ กลันตัน แล้ว ก็ความเห็นอย่างไรบ้าง และ”จริงหรือไม่” ที่” ใน”บาร์ ในผับ” ในห้องอาหาร ในโรงแรม ใน ราคาโอเกะ  ใน พื้นที่ “สุไหงโก-ลก” เป็นแห่ง ซื้อขาย และ เสพยา” จริงหรือไม่ นี้คือการ”ประจาน” ให้เกิดความ”เสียหาย”ต่อประเทศไทย แล้วจะ”แก้ไข” อย่างไร หรือ ปล่อยให้เป็นไปแบบเดิมๆ เพราะ”สุไหงโก-ลก” เป็น”เมืองท่องเที่ยว” ถ้าไม่”ขายยาบ้า”ไม่ขาย”เนื้อหน้าขา” ของ”ผู้หญิง แล้วจะให้”ขายอะไร” เรื่องนี้ว่าที่” ร.ต.ตระกูล โทธรรม” ผวจ.นราธิวาส “ทำหูทวนลม”ไม่ได้นะ…..

@ในขณะที่”รองมุขมนตรี” ของ”รัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซีย กล่าวว่าปัญหาของ”ยาเสพติด” และ”สิ่งของผิดกฎหมาย” มาจากการที่การ”ควบคุมแนวชายแดนหละหลวม” ไม่มีการสร้าง”รั้วกั้น” เพื่อป้องกัน”น้ำท่วม” และ”การค้าสิ่งของผิดกฎหมาย เช่น “ยาเสพติด” และ”คนเถื่อน” และ อื่นๆ  ไทยปล่อยให้มี”ท่าเรือ” ที่เป็น”ท่าข้าม” แม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่” ผิดกฎหมาย” ( เถื่อน )  เป็นจำนวนมาก เรื่องนี้”ผู้บริหารรัฐกลันตัน” มองเห็นจุด”บกพร่อง” และออกมา”วิพากษ์วิจารณ์” ประเทศไทยอย่าง”เข้มข้น” แต่”ไทย” ซึ่งเป็น”เจ้าของประเทศ” กลับมองไม่เห็น”ปัญหา”เรื่องการ”สร้างรั้วชายแดน” กั้นเขตแดนไทย-มาเลเซีย ในส่วนที่เป็นปัญหาระยะทาง 100 กิโลเมตรกว่าๆ เป็นเรื่องที่”ทำได้” และ”สมควรทำ”โดยใช้”งบประมาณ”ไม่เกิน 30,000 ล้าน ก็จะสามารถแก้ปัญหา เรื่อง”การก่อการร้าย” เรื่องของ”ไฟใต้” แล้ว ยังเป็นการ”ป้องกัน”ปัญหา”อาชญากรรม”ทุกชนิด ทั้งเรื่องการ”ค้ายาเสพติด” เรื่องของการ”ค้ามนุษย์” เรื่องการค้า”ของผิดกฎหมาย” ทุกอย่าง ดังนั้นจึงมีผู้ตั้งข้อ”สงสัย” ว่าที่”รัฐบาลไทย” ไม่ให้ความสนใจการ”สร้างรั้ว” เพื่อการกั้น”เขตแดน” มาจากเรื่องของ”ผลประโยชน์” ของ”เจ้าหน้าที่” กับ” ขบวนการอิทธิพล” ในการ”ค้าของเถื่อน” และอ้างว่าการ”สร้างรั้วกั้นชายแดน”ที่สร้างไม่ได้เป็นเพราะ”นักการเมือง” ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนคัดค้าน โดยอ้างเรื่อง”วิถีชีวิต”ของคน”ชายแดน” ที่ต้องมีการ”ข้ามไปมา” แบบ”เสรี” ไม่ต้องผ่าน”จุดตรวจ” ไม่ต้องใช้”เอกสาร” ในการข้าม”พรมแดน” การ”สร้างรั้ว” จึงเป็นการทำลาย”วิถีวัฒนธรรม” ของคนในพื้นที่ หรือทั้งหมดที่เป็น”เหตุผล” ไม่ให้มีการ”สร้างรั้วกั้นเขตแดน” เป็นเรื่อง”ผลประโยชน์” ทั้งของ”การเมือง” และ” เจ้าหน้าที่รัฐ” โดยมี”ขบวนการเถื่อน” ที่ร่วมกัน ต้องการให้เป็นอย่างนั้น…..

@อีกเรื่องการที่มีผู้”ลักลอบขุดทราย” ในแม่น้ำสุไหวโก-ลก ในพื้นที่ ต.โละจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส ข่าวว่าทำกันเป็น”ขบวนการ” ไม่ใช่ฝีมือของ”ชาวบ้าน” เรื่องนี้ “นายอำเภอแว้ง” และ” ผกก.สภ.แว้ง จ.นราธิวาส ต้องมีการ”จับกุม” แค่ติดป้ายประกาศ อย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้การ”ลับลอบขุดทราย” หยุดลงได้ และอีกเรื่อง มีผู้”แจ้งข่าว” ว่า “รีสอร์ต” ที่พัก ใน”แนวชายแดน” ไทย-มาเลเซีย ใน อำเภอแว้ง ไม่ได้สร้างเพื่อให้”นักท่องเที่ยวพัก” แต่สร้างเพื่อให้”แรงงานเถื่อน” ที่เป็น”ชาวเมียนมา” เข้าพักก่อนที่จะได้”ไฟเขียว” ให้”ข้ามไปฝั่ง”ประเทศมาเลเซีย” และมี”นายหน้า” เก็บเงินจาก” แรงงานเถื่อน” หัวละ 500 บาทต่อวัน ของผู้ที่เข้าพักใน”รีสอร์ต” เพื่อส่งให้”เจ้าหน้าที่ตำรวจ” เรื่องนี้”จริง-เท็จ” อย่างไร ฝากให้”  พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี”ผบช.ภ.9 ทำการ”ตรวจสอบ” ด้วย…..

@เรื่องความเดือดร้อนของ”ประชาชน” ทั้งประเทศ คือเรื่องของการ” แอบขึ้นราคา” ของ”น้ำมันปาล์มสำเร็จรูป” ที่ต้องใช้ใน”ครัวเรือน” และ พ่อค้าแม่ค้า ที่ต้อง”ขายอาหาร” และ”ขนมทอด” ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะ”ข้าวเหนียวไก่ทอด” และ”ปลาท่องโก๋” ที่เป็น”อาหารหลัก” ของ”คนใต้” ที่วันนี้คนขาย”ขาดทุนกำไร” จากการ”แอบขึ้นราคาของน้ำมันปาล์ม” สำเร็จรูป ก็ไหน”พิชัย นริททะพันธ์” รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ “คุยนักคุยหนา” ว่าเป็นคนที่มี”กึ๋น” แล้วทำไมปล่อยให้” พ่อค้า กลุ่มโรงงานน้ำมันปาล์ม” ทำการ”ลูบคม” จน”เสียเหลี่ยม” ถามว่าปัญหานี้จะแก้อย่างไร อย่าบอกนะว่า”ผลผลิตปาล์ม” ในภาคใต้ 6 จังหวัด”มีน้อย” และ”ราคาแพง” จึงเป็นตัว”ฉุดกระชาก” ให้ราคา”น้ำมันปาล์ม” ต้อง”ขึ้นราคา” เพราะคำตอบอย่างนี้แสดงว่าไม่มี”กึ๋น” ของการเป็น”เสนาบดี”…..วันนี้”เกษตรกร” ที่”ปลูกปาล์ม” มีความสุข เพราะ “ผลปาล์ม” ที่”ส่งขาย”ไปยัง”ลานเท” ขายได้กิโลกรัมละ 9.50 บาท ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เป็น”ความสุข” ของ “เกษตรกร” กลุ่มเดียว ที่ตั้งอยู่บน”ความทุกข์”ของ”ประชาชน”ทั้งประเทศ และที่จะตามมาคือเมื่อ”ผลปาล์มมีราคาแพง” ผู้ผลิต”ใบโอดีเซล” ก็ต้อง”ขึ้นราคา” ในการ”จำหน่าย” และ”ไปโอดีเซล”ให้กับ”โรงกลั่น”เพื่อนำไปเป็น”ส่วนผสม” ในน้ำมัน”ดีเซล”ที่เรียกว่า”ดีเซล บี 7 “ ที่ต้องมีราคาแพงขึ้นด้วย…..

@ถึงแม้ว่า”พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาคย์” รองนายกรัฐมนตรี และ” เสนาบดีกระทรวงพลังงาน” จะประกาศขอ”ตรึงราคา” น้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 33 บาท แต่ เมื่อต้อง”ซื้อไบโอดีเซล”ที่”แพงขึ้น” กองทุนน้ำมันก็จะ”ติดลบ” แบบ”บักโกรก” และสุดท้ายผู้ที่ต้อง”แบกภาระ” คือ” ประชาชน” ไม่ใช่”เสนาบดี” เพียงคนเดียว เรื่องนี้ก็เหมือนกับ”มะพร้าวราคาแพง”ลูกละ 30 กว่าบาท ส่งผลให้”กะทิสดที่คั้นแล้ว” จากที่เคย”ขาย” ให้ผู้”บริโภค” กิโลกรัมละ 90 บาท ขึ้นไปเป็น 110-120 บาท แล้วแต่พื้นที่ เรื่องนี้ทั้งกระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ คือ”จำเลย” ของ”สังคม” ที่ต้องช่วยกันในการ”คิดอ่าน” ซึ่ง “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะนั่งเป็น”ทองไม่รู้ร้อน” ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ”เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์” รับผิดชอบ เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้….. ที่สำคัญที่ “เสนาบดี” อาจจะไม่รู้” เพราะ”บ่มิไก๋” หรืออาจจะรู้แต่”บ่เซียงกัง” คือเรื่องของ”ผลปาล์มสด”จาก”ประเทศเมียนมา” ที่ “ทะลักเข้ามาทางชายแดน” ทั้งใน”ภาคใต้” และ”ภาคตะวันตก” โดยการ”แปลงสัญชาติ” เป็น”ผลปาล์มไทย” เพราะขายได้ราคาแพง เช่นเดียวกับ”มะพร้าว” ที่”มี”ขบวนการพ่อค้า”นำเข้ามาจาก” อินโดนีเซีย” ที่มี”ราคาถูก” เพื่อมา”สวมสิทธิ์” เป็น”มะพร้าวของไทย” ฟันกำไรกันเป็น”ขบวนการ” เรื่องเหล่านนี้ เป็น”เรื่องใหญ่” ที่คนเป็น”เสนาบดี” ต้องให้ความสนใจ…..

@ส่วนชาว”สวนยางพารา” ที่”ยิ้มหวาน” มาร่วม สองเดือน วันนี้ชัก”หุบยิ้ม” และ”ยิ้มไม่ออก” เพราะราคายางพาราจากที่ “เกษตรกร” ขายได้ กิโลกรัมละ 90 กว่าบาท ( น้ำยางสด) วันนี้เหลือเพียง กิโลกรัมละ 60 บาทกว่า ทั้งที่”ภาคใต้เข้าสู่ฤดูฝน” ที่ทำให้”ผลผลิตออกสู่ตลาดลดน้อยลง” นี่ก็เป็นเรื่องที่” เสนาบดี” ของ”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”  และ”บอร์ดการยางแห่งประเทศไทย” โดย เฉพาะ” เพิก เลิศวังพงศ์” ประธานบอร์ดการยางแห่งประเทศไทย” ต้องมี”คำตอบ” ให้กับ”ชาวสวนยาง” ที่ต่าง”วิตกกังวล” การ”ไหลลงแบบรูดทะราด” ของ”ราคายาง เวลา”ยางแพง” ก็ออกมา”แถลงข่าว” ว่าเป็น”ฝีมือ” ของ”บอร์ดการยาง” เวลา”ยางถูก” ก็ต้องออกมา”แถลง” ให้รู้ถึง”เหตุผล”ด้วย จึงจะเป็นผู้”บริหาร” ที่ดี ที่เมื่อต้องการ”รับชอบ” ก็ต้อง”รับผิด” ด้วยเช่นกัน…..

@“รัตน์ ภูกลาง” ประธานเครือข่ายชมรมเสียงประชาชนจังหวัดตรัง ( สปช.) ออกมา แฉถึงการ”ทิ้งงาน” การ”ก่อสร้างสนามบินจังหวัดตรัง” ที่ตั้ง”งบประมาณ”ไว้ที่ 1.2 พันล้าน เรื่องนี้เป็น”เรื่องใหญ่” ที่การ”ทิ้งงาน” อาจจะมีเรื่องของการ”ทุจริต” ด้วยหรือไม่ ทั้งหมดคือเรื่องที่” ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง “ ทรงกลด สว่างวงศ์” ต้องแก้ไข และ” ปปช.จังหวัดตรังต้องเข้าไป”ตรวจสอบ” ข้อเท็จจริงตามที่” เครือขายชมรมเสียงประชาชน” ออกมา”เรียกร้อง …. รวมทั้งเรื่อง”ตั๋วเครื่องบินแพง” ที่”รุกลาม”จาก”สนามบินนานาชาติหาดใหญ่” ไปสู่ “สนามบินจังหวัดตรัง” ที่ทำให้ผู้โดยสาร ออกมา”เรียกร้อง” ให้มีการ”ตรวจสอบ” ถึงความ”ผิดปกติ” และให้”ภาครัฐ” เข้ามาแก้ปัญหา เรื่องนี้”พูดกันมาแล้วหลายหนหลายครั้ง” แต่”รัฐบาล” ไม่ได้ให้ความ”สนใจ” แบบที่เรียกว่า” ฟังหูซ้าย ทะลุหูขวา” ส่วน”หอการค้า,สภาอุตสาหกรรม”  และ “สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว”ต่าง”นิ่งเงียบ”แบบที่เรียกว่า”เจี๊ยะป้าบ่สื่อ” คือ”กินอิ่มแล้วนอน”…..

@เรื่องของ”เมืองท่องเที่ยว” อย่าง”เกาะภูเก็ต , สมุย,เกาะพะงัน” วันนี้เต็มไปด้วย”ต่างชาติ” จาก”หลายๆชาติ” ที่เข้ามา”ทำมาหากิน” แบบที่”ไม่ยอมกลับบ้าน” ดังนั้นจำนวน”นักท่องเที่ยว”ที่อยู่ใน”ข่าย” ความผิด”โอเวอร์สเตย์” จึงมีอยู่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญมีการ”ลักลอบทำงาน” โดยที่ไม่มี”ใบอนุญาต” ให้”ทำงาน” เป็นการ”แย่งงาน”ของ”คนไทย” เรื่องนี้เป็น”เรื่องใหญ่” ที่ “ตรวจคนเข้าเมือง” และ”แรงงานจังหวัด” ต้อง”เอาจริง” ในการ”ตรวจสอบ” และการ”จับกุม” ถ้าทำไม่ได้” สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง” ต้องมีการ”ปรับเปลี่ยน” ผู้บังคับการ ตม.6 จาก” พล.ต.ต.ทรงโปรด สุขศิริ” เป็น “บุคคลอื่น” ที่มี”ฝีมือ”มากกว่านี้…..เช่นเดียวกับที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งมีการ”ร้องเรียน” จากการผู้ประกอบกิจการนวดแผนโบราณ ว่า “ร้านนวดแผนโบราณ” ใน”หาดใหญ่”จำนวนเกือบ 200 แห่ง เป็นของ”นายทุนมาเลเซีย” และ”นายทุนเมียนมา” มากกว่าครึ่ง และมีการ”ตัดราคา” เพื่อ”แย่งชิงลูกค้า” ที่ทำให้เกิดความ”เสียหาย” กับ”ร้านนวดแผนโบราณ” ที่เป็นของ”คนไทย” เรื่องนี้หน่วยงานไหน ที่ต้อง”รับผิดชอบ” ซึ่งน่ามี”แรงงานจังหวัด”ร่วมอยู่ด้วย ต้องออกไป”ตรวจสอบ” และแก้ปัญหา ที่เกิดขึ้น…..

@วันก่อนมี”ระเบิดปลอม” เกิดขึ้นที่ “ใจกลางเมืองหาดใหญ่” ซึ่งก็ขอ”ชื่นชม” ทั้ง”พลเมืองดี” และ”ตำรวจ” ทหาร,ปกครอง” ที่มีการ”แจ้งเหตุ” อย่าง”ฉับพลัน” และ”เข้าที่เกิดเหตุ” อย่าง”รวดเร็ว” ถ้าเป็น”ระเบิดจริง” การแจ้งเหตุ และเข้าถึงที่เกิดเหตุ อย่าง”รวดเร็ว” และ”มีความพร้อม” จะช่วยให้ความ”สูญเสีย” ลดน้อยลง….. แม้ครั้งนี้จะเป็น”ของปลอม” แต่”พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์” ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็ไม่ควรประมาท โดยเฉพาะการ”ตรวจค้น” บ้านเช่า และ รีสอร์ต ในตัวเมือง หาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่”นิยม” ของผู้ที่เดินทางมาจาก” สามจังหวัดชายแดนภาคใต้”  สาเหตุที่เข้าพักใน”รีสอร์ต”  มากกว่าพักใน”โรงแรม” เพราะ”ราคาถูก” แต่ที่สำคัญคือ”ไม่มีการลงทะเบียน” ไม่มีการ”ถ่ายบัตรประชาชน” และไม่”จดทะเบียนรถยนต์” ที่ใช้เป็น”พาหนะ” และที่สำคัญ วันนี้ใน “เทศบาลนครหาดใหญ่” มี การนำเอา”บ้านหลังใหญ่” มาทำการ”รีโนเวต” ให้เป็น”ห้องพัก” และเปิดให้เช่า”รายวัน” แบบเดียวกับโรงแรมถึง 200 แห่ง เรื่องนี้ทั้งฝ่าย”ปกครอง” ฝ่าย”ตำรวจ” และ”สรรพากร” คงจะ”คิดออก” ว่าจะ”ทำอย่างไร” และมีความ”ผิดกฎหมาย” ใน”มาตรา”ไหนบ้าง…..

@เรื่องการ”คืนทางเท้าให้ประชาชน” ของ”เทศบาลนครหาดใหญ่” ซึ่ง” เจ้าของร้านค้า” มีการ”ร้องเรียน มีการ”ฟ้องศาลแพ่ง” ให้ทำการ”เคลื่อนย้าย” แผงลอย ร้านค้า ที่ยึด”ฟุตบาธ” ทางเท้า เป็นที่”ขายของจำนวน 24 ราย ล่าสุด “ดร.กิตติ เริงเรืองกุลฤทธ์” ปลัดเทศบาลนครหาดใหญ่ ดำเนินการ”เคลื่อนย้าย” พ่อค้า แม่ค้า ทั้ง 24 ราย ให้ไปขายยังสถานที่ซึ่ง”เทศบาลจัดให้” นี้เป็นการ” ดำเนินการ” กับ” พ่อค้าแม่ค้า” ที่”ขายของ” ในที่”ห้ามขาย” ซึ่งมีการ”ร้องเรียน” ครั้งแรกที่” ตลาดสดพลาซ่า” ครั้งที่สอง ที่” หน้าตลาดกิมหยง” ทั้งสองเคส จบลงด้วยดี  เป็นการทำหน้าที่แบบ”บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุน” ไม่ต้องใช้” กำลัง” เข้าจัดการ” แต่ใช้”กฎหมาย” และการ”พูดคุย” เป็น”ทางออก” ชื่นชม…..

@ในที่สุดการเลือกตั้ง”นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา” ก็มีความ”ดุเดือด” เมื่อ” ไพเจน มากสุวรรณ นายก อบจ.ปัจจุบัน ไม่หวั่น”ทุนใหญ่” และ”เครือข่ายบ้านใหญ่” ที่ให้การ”อุ้มชู”สุพิศ พิทักษ์ธรรม” ที่ลาออกจากตำแหน่ง “อธิบดีกรมฝนหลวง”มาลงสมัครรับเลือกตั้ง”นายกอบ จ.สงขลา ซึ่งจะเปิดตัวอย่าง”ยิ่งใหญ่”  เหมือนกับ”มหกรรมคอนเสิร์ต” ที่”หน้าโรงแรมลีการ์เด็นส์พลาซา” หาดใหญ่ พร้อม สจ.ที่ให้กับ “สนับสนุน” โดยมี”บ้านใหญ่ขาวทอง” และ”บ้านใหญ่บุญญามณี” ให้การ”โอบอุ้ม” ก็ต้องคอยดู”ยุทธศาสตร์” และ”กลยุทธ์” ของ”ไพเจน มากสุวรรณ” นายกคนปัจจุบัน ที่ยังเดินหน้า”เฟ้นหา” สจ. “เลือดใหม่” เข้ามา”เสริมทัพ” เพราะ “สจ.เก่า” ส่วนใหญ่พร้อมเดินไปกับ”สุพิศ พิทักษ์ธรรม”ว่าจะมี”จุดแข็ง”และ”จุดขาย” ทาง”การเมือง”อย่างไร  ไม่แน่นะ คนที่”เปิดตัวทีหลัง” อาจจะ”ปังกว่า” ก็เป็นได้ ส่วน”บ้านไหน” ที่จะ”โอบอุ้ม” ไพเจน มากสุวรรณ” เพื่อกลับมาเป็น”นายก อบจ สงขลา เป็น สมัยที่ 2 ยัง”มองไม่ชัด” แต่” เถ้าแก่หลี” หรือ” เฉลิมชัย ครุอำโพธ์” เจ้าของ”อาณาจักรเขาบันไดนาง” ฟันธง ไปแล้วว่า ใครมี”เงินมาก” คนนั้น”ชนะ” ได้เป็น” นายก อบจ.สงขลา ก็ต้องติดตามกันต่อไป เดือน กุมภาพันธ์ 2568 เป็นอันรู้เรื่อง แต่ก่อนถึงวัน”กาบัตร” เลือกตั้ง ครั้งนี้  เชื่อว่า”เงินจะสะพัด” จากการ”เลือกตั้ง”นายก อบจ.สงขลา ครั้งนี้ น่าจะไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท “ประชาธิปไตย” แบบ”ไทยๆ” จงเจริญ การ”ขายสิทธิ” และการ”ซื้อเสียง” เป็นเหมือนการ”ซื้อ-ขาย” สินค้าที่ถูกต้องตาม”กฎหมาย” ก็”หนุกหนาน” และ”ชื่นมื่น” สำหรับ”ประชาชน” ที่จะได้”รับทรัพย์” จากการ เลือกตั้ง ทุกครั้ง…..แล้วพบกันใหม่ วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ…

ไชยยงค์ มณีพิลึก

พบสื่อ.   พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 พบปะ สื่อมวลชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ณ ห้องประชุม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

พบปะยามเช้า.  อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา พบปะกับส่วนราชการ ในกิจกรรมพบปะยามเช้า ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆในพื้นที่ จ.ยะลา พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการทำงานร่วมกัน ในการร่วมกันพัฒนาจังหวัดยะลา ตลอดจนบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนชาวยะลา เป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน พัฒนาพื้นที่ อีกทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นอีกด้วย พร้อมชมการแสดงดนตรีบรรเลง ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา

มอบประกาศ.  มุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เป็นประธาน พิธีมอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษา ในหลักสูตร “พนักงานผู้ช่วยพยาบาล“ ประจำปีการศึกษา 2566 -2567 รุ่นที่ 14-16 ของโรงเรียนวิทยาการบริบาลแคร์เซนเตอร์ จำนวนทั้งสิ้น 102 คน โดยมี นายปราโมทย์ บินสะมะ ผู้รับใบอนุญาต ให้การต้อนรับ ณ หอประชุมมูลนิธิมะทา เขตเทศบาลนครยะลา

ลงนาม.   พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา พร้อมด้วย Mr.Michael Ronning Mission Director, USAID และ Ms.Indeok Oak Acting COP for USAID Enhance ร่วมลงนามในครั้งนี้ และได้ร่วมปรึกษาหาเกี่ยวกับบริบทการบริหารการปกครองท้องถิ่นและร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับโครงการ USAID Enhance เพื่อทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์กรผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาครัฐ ในการสนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการบริหารจัดการการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยมีพื้นที่การดำเนินงานใน 3 ภูมิภาค 8 จังหวัด ประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา เชียงราย น่าน สกลนคร และ อุบลราชธานี ณ ห้องประชุม เทศบาลนครยะลา

ต้อนรับ.  นิสรีน เด็งสุรีย์ เจ้าของโรงเรียนบูรณศาสน์อิสลามวิทยา พร้อมด้วย ร.ต.ท.อับดุลมูอีน เด็งสุรีย์ ผู้จัดการโรงเรียน และ คณะครูอาจารย์ เด็กนักเรียน ผู้นำศาสนา และ ประชาชนในพื้นที่ ร่วมต้อนรับคณะ Laila Group จากรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย จำนวน 45 คน ได้มาเยี่ยมเยียน พร้อมทั้งชมการจัดการเรียนสอนของคณะครู

คว้ารางวัล.   สาขาวิชาเคมีประยุกต์ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา คว้ารางวัล The best Deep South STEAM4INNOVATOR ในการแข่งขัน Pitching “Deep South STEAM4INNOVATOR Contest 2024” โดยคัดเลือกสุดยอดไอเดียจาก 32 ทีม เหลือ 8 ทีม เพื่อเข้าสู่การ  Coaching แบบ One on One ต่อยอดแนวคิดธุรกิจสู่โครงการอื่น ๆ ต่อ  จัดขึ้นโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับสำนักการจัดการนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย และมหาวิทยาลัยเครือข่าย เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ณ โรงแรมเซาท์เทิร์นวิว  จ.ปัตตานี

มอบเงิน  ณ ห้องประชุมมูลนิธิกุศลสถานตรัง อ.เมือง จ.ตรัง ชาญชัย สารสินพิทักษ์ ประธานมูลนิธิกุศลสถานตรัง (บ้วนเต็กเซี่ยงตึ๊ง) สุนทร เชาว์กิจค้า รองประธานมูลนิธิฯ และสมาชิกวุฒิสภา วชิรศักดิ์ เกียรติธีรวิชัย หัวหน้ากู้ชีพ-กู้ภัย พร้อมคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ร่วมกันมอบเงินสงเคราะห์จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่ร่วมกับ มูลนิธิสงเคราะห์ผู้ประสบภัย 14 จังหวัดภาคใต้ ให้กับผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์วาตภัยพายุและคลื่นลมซัดบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ในหลายพื้นที่ จำนวน 312,000  บาท

เพชรในตม .    ณ ห้องประชุมอันดามัน 4 สพป.ตรัง เขต 2 ดุสิต ลัคนาศิโรรัตน์ รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รักษาราชการแทน ผอ.สพป.ตรัง เขต 2 เป็นประธานรับรายงานบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ในตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2567 จำนวน 8 สาขาวิชาเอก จำนวน 18 อัตรา มารายงานตัว 17 ราย ปฐมนิเทศผู้ผ่านการคัดเลือก บรรจุแต่งตั้งเข้ารับเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษปี พ.ศ. 2567

แถลงข่าว.   ณ  เขาแบนะ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อ.สิเกา จ.ตรัง ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ.ตรัง พร้อมด้วย จิราวดี  อ่อนวงศ์  ท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดตรัง   เฉลิมชัย เกิดผล ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ผู้แทนจากกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3   สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตรัง ทุกภาคส่วน จัดกิจกรรมแถลงข่าวเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดตรัง ประจำปี 2568 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ความพร้อมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจังหวัดตรัง เริ่มจากเดือนตุลาคมเป็นตันฤดูกาลท่องเที่ยว

เดิน วิ่ง ปั่น.   ณัฐวุฒิ สังข์สุข นายอำเภอปะเหลียน จ.ตรัง เป็นประธานในพิธีเปิด  โดยมีว่าที่ร้อยโท จักรเพชร ผู้อำนายการโรงเรียนทุ่งยาวผดุงศิษย์ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง สังกัด สพม.13.ตรัง กระบี่ พร้อมผู้บริหาร คณะครู บุคลกรทางการศึกษา และนักเรียน ผู้ปกครองนักเรียน หัวหน้าส่วนราชการทุกหมู่เหล่า พ่อค้าประชาชน ร่วมกิจกรรมเดินวิ่ง-ปั่น เพื่อป้องกันอัมพาต เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันก่อน

ตรวจเยี่ยม.   เดชอิสม์ ขาวทอง. รมช.กระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสิงหนคร พร้อมผลักดันงบประมาณ 21 ล้าน ยกระดับโรงพยาบาลสิงหนครเดิม ให้เป็นศูนย์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกครบวงจร ตามนโยบาย 1 จังหวัด 1 โรงพยาบาลเเพทย์แผนไทยที่ได้มาตรฐาน ณ.รพ.สิงหนคร จ.สงขลา

ปิดงาน.  เศวต เพชรนุ้ย รองผวจ.สงขลาเป็นประธานปิดงานประเพณีการแข่งขันเรือยาวและมอบรางวัลให้กับผู้ที่ชนะเลิศประเภทต่างๆ โดยมี ปฏิวัติ ทองเพชรจันทร์ นายอำเภอบางกล่ำ จ.สงขลาให้การต้อนรับ ณ ท่าน้ำวัดบางหยี อ.บางกล่ำ จ.สงขลา

รณรงค์แต่งเครื่องแบบ ปรเมศ เห้งสวัสดิ์ นายอำเภอสทิงพระได้เป็นแบบอย่างรณรงค์ให้ข้าราชใส่เครื่องแบบ เพื่อปฏิบัติราชการทุกวันพุธ ณ ที่ว่าการอำเภอสทิงพระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา

ประชุมสภาสันติสุข.   พ.อ.ยุทธนาม  เพชรม่วง รอง ผบ.ฉก.ยะลา. เป็นประธานการประชุม สภาสันติสุข ต.ลำใหม่ (วาระพิเศษ) ณ ห้องประชุมชั้น 2 อบต.ละใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา

ยินดีด้วย.   จิรวิทย์ แซ่จึง ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดยะลา แสดงความยินดีกับ พงษ์พนา ทองมี ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนยะลา อ,เมือง จ.ยะลา

เงินสวัสดิการ.   อุดม แก้วประดิษฐ์ ประธานกองทุนสวัสดิการชุมชน ต.ทุ่งหวัง อ.เมือง จ.สงขลา มอบเงินสวัสดิการกาจัดงานศพ คุณพ่อประจวบ อรุณ ณ บ้านอ่างทอง จำนวน 20,000 บาท

ทำบุญ.  วันสุกรี แวมามะ นายอำเภอเมืองปัตตานี พร้อมด้วย ณฐนน สุวรรณ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง และ ภัทร์ระพี วารีดี ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำตำบลคลองมานิง ร่วมเป็นเกียรติในงานทำบุญครบรอบ 7 วัน จากเหตุคนร้ายลอบยิงในมัสยิดคลองมานิง เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้เสียชีวิต ณ หมูที่ 2 ต.คลองมะนิง อ.เมือง จ.ปัตตานี

บุญกฐิน.   เจือ -ส้มผิว ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีทอดกฐิน ณ วัดเพชรมงคล ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา เพื่อนำบริวารกฐิน สมทบทุนก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรม