ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งบางคดีเป็นเรื่องระหว่างบุคคล บางคดีมีผู้เสียจำนวนมาก แต่นอกจากเรื่องทางธุรกิจแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าในวงการ“สายมู” ก็มีเรื่องฉ้อโกงเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะคดีดังที่เพิ่งถูกจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากับกรณีหมอดูฮวงจุ้ย ที่มีพฤติกรรมอาศัยความเชื่อ ความศรัทธา หลอกซื้อวัตถุมงคลราคาแพง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับสินค้า

ทีมข่าวอาชญากรรม”มีโอกาสพูดคุยกับ คุณธนัท ชัยวชิระศักดิ์ หรือ นัท แฟนพันธุ์แท้ (จตุคาม) หรือ นัท กรุงสยาม ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการพระเครื่องนับ 20 ปี ถึงเรื่องราวในแวดวงและกระแสมูเตลูในปัจจุบัน

ธนัท” สะท้อนภาพปัจจุบันของตลาดพระเครื่องและวัตถุมงคลว่า เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะมีกลุ่มคนจากต่างประเทศ เช่น ชาวจีนที่มีการจับจองเช่าวัตถุมงคลกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสำหรับตนแล้วนอกจากชาวจีน ยังมีชาวต่างชาติจากยุโรปติดต่อมาเช่าวัตถุมงคลเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีผู้ปล่อยเช่าวัตถุมงคลที่เริ่มผันตัวเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ โดยต้องยอมรับทุกวงการมีทั้งคนดีและไม่ดี วงการพระเครื่องเองก็มีมิจฉาชีพแฝงตัวหลอกเช่าวัตถุมงคลเก๊อยู่เช่นกัน

ในส่วนมิจฉาชีพหลอกเช่าพระเก๊ ธนัท เล่าว่า การจะเช่าซื้อสิ่งใด ตัวผู้สนใจควรต้องมีความรู้ในสิ่งนั้นๆ และศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงตรวจสอบสิ่งที่ตนเองอยากได้ กรณีพระเครื่องวิธีตรวจสอบง่ายที่สุดคือ ตรวจสอบกับสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทยว่า วัตถุมงคลชิ้นนั้นแท้หรือปลอม ต่อมาคือก่อนเช่าพระกับใคร ควรตรวจสอบว่ามีการรับประกันกันคืนเงินให้ด้วยหรือไม่

ส่วนกรณีการดูดวงฮวงจุ้ย การทำนายทายทักต่าง ๆ “ธนัท” ระบุ วิชาเหล่านี้เป็นวิชาในการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้คน ซึ่งอดีตการเก็บ “ค่าครู” ไม่สูงมากนัก ข้อแตกต่างสำหรับคนที่ใช้ช่องว่างทางความทุกข์ กับคนที่อยากช่วยเหลือคนคือ คนที่หวังดีจะใช้วิชาเหล่านี้ช่วยคนเพื่อสร้างบุญบารมีของตน ไม่ใช่ทำเพื่อให้ตนมีเงินมากขึ้น

ธนัท” กล่าวด้วยว่า ในอดีตความเชื่อเรื่องโชคลางต่าง ๆ มีหลายรูปแบบ เช่น ผ่านการทำพิธีกรรม หรือผ่านเรื่องของวัตถุมงคล หรือปัจจุบันเรียกว่า “มูเตลู” นั้น ต้องเข้าใจก่อนว่าบางสิ่งบางอย่างเป็น“กุศโลบาย”ให้ผู้คนโน้มเข้าใกล้พุทธศาสนา ซึ่งอาจารย์ หรือผู้มีวิชาในรุ่นเก่าก่อนจะบอกเสมอว่า เมื่อรับเอาสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว ต้องห้ามผิดศีล เช่น

ห้ามผิดลูกผิดเมียคนอื่น ห้ามพูดจาก้าวล่วงบิดามารดาคนอื่น สิ่งนั้นเป็นกุศโลบายให้คนมาถือศีล เมื่อความศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นจริง แล้วคุณก็จะเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คุณทำมามันเกิดจากองค์ประกอบที่มาจากศีล แล้วคุณจะกลายเป็นคนที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากอาจารย์บางคนบอกว่าวัตถุมงคลชิ้นนี้หากรับไปแล้ว ไม่ได้ข้อห้ามอะไร อยากขโมยของคนอื่นก็ทำเลย อยากผิดลูกผิดเมียคนอื่นก็ทำไป ถ้าไปเจอคนแบบนี้ ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว

แน่นอนว่าในทุกวงการล้วนมีทั้งคนดีและคนไม่ดี อย่างกรณีบางประเภทอ้างตนเป็นอาจารย์ทำพิธีลงนะหน้าทอง ลงอวัยวะเพศ และต้องใช้อวัยวะของอาจารย์ลง เรื่องแบบนี้ตามตำราไม่มี หรือบางกรณีที่มีการอ้างว่าต้องนำพระผงกระดูกผีมาป่นให้เป็นผงแล้วให้เอาไปโรยรอบบ้าน เพื่อปกป้องสิ่งไม่ดี ตามตำราก็ไม่มีเช่นเดียวกัน นั้นหมายความว่าก่อนที่คุณจะทำอะไรก็ตามควรศึกษาให้ดีเสียก่อน”

ธนัท” ทิ้งท้ายถึงการครอบครองวัตถุมงคลว่า ตัวเราเองก็ต้องทำตัวให้เป็นมงคลด้วยจึงจะส่งเสริมกัน วัตถุมงคลนั้นดีอยู่แล้ว เพราะเจตนาการสร้างของครูบาอาจารณ์ดี แต่หากทำตัวไม่ดีก็เป็นการลดทอนคุณค่าของสิ่งหล่านั้นลงไป แต่หากเป็นคนดี ถือศีล ปฏิบัติสวดมนต์ภาวนา ทำทานเป็นนิตย์ แล้วได้วัตถุมงคลมาก็จะเหมือนพยัคฆ์ติดปีก มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนมีปัญหา เราอาจเผลอไผลขาดสติ ทำกรรมชั่วไปโดยที่อาจรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง เมื่อกรรมเหล่านั้นตามเรามาทัน นั้นก็คือปัญหาในชีวิตในปัจจุบัน

ดังนั้น การแก้ปัญหาอันดับแรกคือ ตั้งสติ มองย้อนกลับไปว่าปัญหานั้นคืออะไร ปฏิบัติและนำคำสั่งสอนของศาสนามาใช้เป็นหลัก แต่หากคุณเชื่อว่าวัตถุมงคลบางอย่าง หรือพิธีกรรมบางอย่าง เป็นของดี ของดัง แต่ราคาสูงมากก็ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อ แค่เพียงระลึกถึงก็พอ.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

[email protected]