เพราะชัดเจนแล้ว ไม่ว่าช่วงวัย หรือสถานะสังคมใด ล้วนมีโอกาสตกเป็นเหยื่อ
“ทีมข่าวอาชญากรรม” ถอดแผนประทุษกรรมกรณี “ชาล็อต” ตรงสูตรสำเร็จของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดไหน เพื่อเป็นอุทธาหรณ์อีกครั้งของสังคม
สูตรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ | มิจฉาชีพหลอก ‘ชาล็อต’ |
เบอร์โทรเลขหมายแปลก | รับสายเบอร์แปลก |
อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ | อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) |
อ้างเหยื่อพัวพันฟอกเงิน ยาเสพติด หรือคดีดัง | อ้างเกี่ยวข้องกับการขายบัญชีให้ ผู้ต้องหาฟอกเงินคดีดัง โกงหุ้นสตาร์ค |
โอนสาย อ้างให้คุยกับเจ้าหน้าที่อีกคน | ให้กดโค้ด อ้างโอนสายให้คุยต่อกับตำรวจไซเบอร์ สุดท้ายพบเป็นโค้ดทำให้บล็อกเบอร์ บุคคลอื่นไม่สามารถติดต่อมาได้ |
ให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์ คุยแบบวิดีโอคอล | ให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์ เพื่อวิดีโอคอลพูดคุย อ้างใช้ภาพและวิดีโอเป็นหลักฐานช่วยเหลือในชั้นศาล |
ห้ามติดต่อ หรือบอกใคร เป็นความลับราชการ | อ้างติดตามตำแหน่งที่อยู่ได้ ห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร เป็นความลับราชการ หากบอกใครคนนั้นจะถูกดำเนินคดีไปด้วย |
โชว์เอกสารปลอมจากศาล หรือ ปปง. | นำเอกสารอ้างว่าเกี่ยวข้องกับคดีความมาโชว์ จนเชื่อสนิทใจ |
หลอกล่อช่วยเหลือ และให้โอนเงินไปตรวจสอบธุรกรรม ยืนยันความบริสุทธิ์ | หลอกให้โอนเงินยืนยันความบริสุทธิ์ อ้างนำไปตรวจสอบเส้นทางการได้มา และจะคืนภายใน 10-15 นาที เหยื่อโอนครั้งแรก 2 ล้านบาท มีการดึงเรื่องไม่คืนตามเวลาอ้างอยู่ระหว่างการประชุมกับผู้บังคับบัญชา |
ห้ามวางสาย พยายามหลอกถาม หลอกให้โอนเงินไปเรื่อย ๆ | ตลอดการพูดคุยกำชับห้ามวางสายเด็ดขาด และหลอกให้โอนเงินไปเพิ่มอีก 2 ล้านบาท เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม จึงโอนไปอีก 2 ครั้ง 5 แสนบาท และ 1.5 ล้านบาท |
จบการหลอก เมื่อเหยื่อเริ่มรู้ตัว | หลังพูดคุยข้ามคืน เริ่มสงสัยถูกหลอก ตัดสินใจโทรอายัดบัญชี เก็บหลักฐาน เข้าแจ้งความ |
เปรียบเทียบแบบแผนที่เตือนกันมาตลอดกับข้อเท็จจริงคดีนี้ ต้องยอมรับว่าเข้าทาง-ตรงสูตร
นอกเหนือการดำเนินคดี สิ่งที่สะท้อนออกมา และเป็นโจทย์ใหญ่ให้ต้องแก้ไขปัญหาคือ ทำให้คนที่ยังไม่รู้ ควรรู้ให้มากขึ้น เพราะ “ภูมิคุ้มกัน” ส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเผชิญหน้ากับสายมิจฉาชีพ ตัวเองเท่านั้นที่ต้องมีสติและรู้เท่าทัน จึงจะรอดจากการตกเป็นเหยื่อ.
ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน