โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดอีดี การที่กล้ามเนื้อเรียบทำงานได้น้อยลงอาจเป็นเหตุให้เกิดอาการอีดีในผู้เป็นเบาหวาน รวมไปถึงเส้นประสาทที่ถูกทำลายและเซลล์เอนโดธีเลียลทำงานผิดปกติซึ่งเกิดจากการมีสารไนตริกออกไซด์ที่ลดน้อยลงในผู้เป็นเบาหวาน แม้ว่าการใช้สารยับยั้งเอนไซม์การอ่อนตัวจะสามารถช่วยรักษาอาการอีดีได้แต่ในชายอีดีที่เป็นเบาหวานมักจะไม่ค่อยได้ผลนัก จึงมีการศึกษาการใช้กรดโฟลิกร่วมกับสารดังกล่าว ในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่สอง โดยได้ทำการประเมินผลการรักษาด้วยการใช้คะแนนไอไออีเอฟทั้งก่อนและหลังการรักษา
ซึ่งผลการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวพบว่าหลังการใช้สารยับยั้งเอนไซม์การอ่อนตัวรักษาด้วย ขนาด 10 มิลลิกรัม วันเว้นวัน ร่วมกับกรดโฟลิกขนาด 5 มิลลิกรัมทุกวัน เป็นเวลานาน 3 เดือน มีคะแนนไอไออีเอฟเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ป่วยอีดีที่เป็นเบาหวานมีสมรรถภาพทางเพศดีขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้สารยับยั้งเอนไซม์การอ่อนตัว ขนาด 10 มิลลิกรัมวันเว้นวัน เพียงอย่างเดียว และการใช้ยาทั้งสองชนิดร่วมกันนี้ถือว่ามีความปลอดภัยอีกด้วย การรักษาอาการอีดีด้วยยาทั้งสองขนานนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศในชายที่เป็นเบาหวาน นอกจากจะช่วยให้อาการอีดีฟื้นฟูได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้สารยับยั้งเอนไซม์การอ่อนตัว ในการรักษาอาการอีดีในผู้เป็นเบาหวานได้ดีกว่าการใช้สารยับยั้งเอนไซม์การอ่อนตัวเพียงอย่างเดียว
ดังนั้นหากการใช้สารยับยั้งเอนไซม์การอ่อนตัว แล้วไม่สามารถร่วมเพศได้ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยากลุ่มอื่นในการรักษาอาการอีดีที่ปลอดภัยและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด หากยังดื้อยาอยู่อีก ปัจจุบันมีวิธีการรักษาร่วมกับยาคือใช้คลื่นความถี่ต่ำยิงไปยังเส้นเลือดที่องคชาต ก็สามารถฟื้นเส้นเลือดที่อ่อนแอให้ขยายตัวจนเพิ่มเลือดให้มาคั่งที่กล้ามเนื้อเพศขณะปลุกเร้าอารมณ์ได้ดีดังนั้นเป็นการรักษาชนิดถาวร คำแนะนำจากแพทย์การรักษาอีดีจึงต้องพึ่งแพทย์ตรวจรักษาด้วยวิทยาการใหม่ ๆ ตลอดเวลา ห้ามรักษาด้วยตนเองจะเสียประโยชน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์.
……………………………………..
ดร.อุ๋มอิ๋ม