ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งอวัยวะเพศชาย
4. การใช้ยาสูบ

การสูบบุหรี่ การเคี้ยวยาสูบ หรือการสูดดมจะเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งอวัยวะเพศชาย ยาสูบอาจชะลอความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อ และเพิ่มความเสี่ยง การใช้ยาสูบอาจทำลายเซลล์ต่าง ๆ ได้รับสารพิษจากควันบุหรี่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่มะเร็ง

5.การบำบัดด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต เอ พูว่า (PUVA)
เอ พูว่า (PUVA) ย่อมาจาก psoralen (สารซอราเลนคือสารที่อยู่ในอาหารต่าง ๆ เช่น ผลไม้จำพวกส้ม (Citrus) สารตัวนี้ทำให้ผิวไวต่อแสงและเปลี่ยนแสงแดดให้เป็นพิษต่อผิวหนัง ทำให้เกิดอาการไหม้แดด (sunburn) หรือ กระฝ้า หรือ หมองคล้ำ) และ ultraviolet A photochemotherapy (การบำบัดด้วยแสง และเคมีบำบัดร่วมแสง) เอ พูว่าเป็นการรักษาโรคสะเก็ดเงินประเภทหนึ่งที่ใช้รังสีอัลตราไวโอเลต การได้รับการรักษานี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งอวัยวะเพศชายได้ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตมากขึ้นหมายถึงความเสี่ยงที่มากขึ้น

6.โรคไลเคนสเคลโรซัส(Lichen Sclerosus)
ไลเคนสเคลโรซัส (LS) เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดตุ่มนูนแบนสีม่วงคล้ำบริเวณอวัยวะเพศและคันบริเวณที่มีผื่นขึ้น อาจทำให้หัวของอวัยวะเพศชายหรือหนังหุ้มปลายของป่วยรู้สึกเจ็บปวด ระคายเคือง หรือคัน หากพบผู้ป่วยมีไลเคนสเคลโรซัส จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเป็นมะเร็งอวัยวะเพศชาย นอกจากนี้ไลเคนสเคลโรซัส อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชพีวี

7.สุขอนามัยไม่ดี
การไม่ล้างอวัยวะเพศบ่อยหรือทั่วถึงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดขี้เปียก ซึ่งเป็นคราบขาวที่อวัยวะเพศชาย ขี้เปียกคือการสะสมของของเหลวที่ร่างกายหลั่งออกมาตามธรรมชาติ หากไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ขี้เปียกอาจสะสมอยู่ใต้หนังหุ้มปลายของอวัยเพศ และจะหนาและมีกลิ่นเหม็น นักวิจัยเคยคิดว่าขี้เปียกมีคุณสมบัติที่ก่อให้เกิดมะเร็ง แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น มีแนวโน้มว่าขี้เปียกจะทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง.

…………………………………………
ศ.น.ท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล
คลินิกสุขภาพชาย หน่วยศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ
ภาควิชาศัลยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…